กระทรวงการคลัง

วิธีลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านเว็บไซต์ ตรวจสอบสถานะเริ่ม 16 ก.ย.65

เปิดรับลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 แนะวิธีลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ และดาวน์โหลดเอกสาร ตรวจสอบสถานะผ่าน-ไม่ผ่าน 16 ก.ย. 65

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่ากระทรวงการคลังและหน่วยงานรับลงทะเบียนมีความพร้อมในการเปิดรับลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการฯ) ปี 2565 ที่จะเริ่มเปิดรับลงทะเบียนวันแรกวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ถึงวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565 โดยสามารถลงทะเบียนได้ผ่านทาง https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

หรือ ผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน ได้แก่ สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (ธนาคารกรุงไทยฯ) สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต และศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา รวมจุดรับลงทะเบียนไม่น้อยกว่า 7,000 จุด ทั่วประเทศ สำหรับการลงทะเบียนโครงการฯ ปี 2565 ในครั้งนี้จะเป็นการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรฯ) ในปัจจุบันและผู้ที่ไม่เคยมีบัตรฯ จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุกคน

สำหรับการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ มีขั้นตอนดำเนินการ ดังนี้

  • เข้าไปที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม “ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ”
  • เลือกปุ่ม “เริ่มลงทะเบียน” กรอกเลขบัตรประจำตัวประชาชน และ กดปุ่ม “ตรวจสอบข้อมูล”
  • กรอกข้อมูลตามบัตรประจำตัวประชาชน ได้แก่ ชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด และเลข laser หลังบัตร
  • กรอกข้อมูลผู้ลงทะเบียน ได้แก่ ที่อยู่ วุฒิการศึกษา สถานภาพครอบครัว (หากมีครอบครัว ต้องกรอกข้อมูลสมาชิกในครอบครัว) อาชีพ รายได้ และหนี้สิน
  • ตรวจสอบข้อมูลและกดปุ่ม “ยืนยันข้อมูล”
  • ผู้ลงทะเบียนที่โสด/ไม่มีครอบครัว กดยอมรับเงื่อนไขและยืนยันการลงทะเบียน เพื่อจบขั้นตอนการลงทะเบียน โดยไม่ต้องไปยื่นเอกสารหรือเดินทางไปหน่วยงานรับลงทะเบียน
  • ผู้ลงทะเบียนที่มีครอบครัว (มีคู่สมรส (สามีหรือภรรยาที่จดทะเบียนสมรส) และบุตรชอบด้วยกฎหมายที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ เฉพาะที่ยังมีชีวิตอยู่ตามข้อมูลของกรมการปกครอง (แต่ไม่รวมบุตรบุญธรรม)) เมื่อกรอกข้อมูลทางเว็บไซต์สำเร็จ จะต้องเลือกหน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก เพื่อไปยื่นเอกสารที่ลงลายมือชื่อครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน ถึงจะถือว่าจบขั้นตอนการลงทะเบียน   (หากไม่ได้เดินทางไปยื่นเอกสารที่หน่วยงานรับลงทะเบียน จะถือว่าลงทะเบียนไม่สำเร็จ)
  • ผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบผลการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th เลือกปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ได้ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

ส่วนการลงทะเบียนผ่านหน่วยงานรับลงทะเบียนทั้ง 7 หน่วยงาน ผู้ลงทะเบียนจะต้องกรอกแบบฟอร์มลงทะเบียนให้ครบถ้วน พร้อมทั้งลงลายมือชื่อในเอกสารให้ครบถ้วนทั้งผู้ลงทะเบียนและสมาชิกในครอบครัว เพื่อนำไปยื่น ณ หน่วยงานรับลงทะเบียน ซึ่งจะต้องแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของผู้ลงทะเบียน รวมถึงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรพร้อมลงลายมือชื่อในกรณีที่คู่สมรสและบุตรไม่ได้เดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยงานรับลงทะเบียน อย่างไรก็ดี หากคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัว ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของคู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียน ทั้งนี้ แบบฟอร์มการลงทะเบียนสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วยงาน

ดาวน์โหลดเอกสาร:

– แบบฟอร์มโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 >>> คลิกที่นี่

– หนังสือมอบอำนาจ – หนังสือมอบฉันทะสำหรับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ >>> คลิกที่นี่

สำหรับผู้ลงทะเบียนเป็นผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นมาลงทะเบียนแทนได้ ทั้งนี้ หนังสือมอบอำนาจสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ของโครงการฯ หรือติดต่อขอรับได้ที่หน่วยงานรับลงทะเบียนทุกหน่วย

การเปิดรับลงทะเบียนในครั้งนี้จะจัดให้มีผู้ช่วยอำนวยความสะดวกในการรับลงทะเบียนตามจุดรับลงทะเบียน โดยจะต้องเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ หรือพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อความคุ้นเคยกับผู้ลงทะเบียนและสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีความร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในการขอความอนุเคราะห์ให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ ในการลงทะเบียน

หลังจากลงทะเบียนแล้วผู้ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนได้ทุกวันศุกร์ในแต่ละสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 กันยายน 2565 เป็นต้นไป

หากผู้ลงทะเบียนพบว่าผลการลงทะเบียนไม่สมบูรณ์เนื่องจากข้อมูลผู้ลงทะเบียนหรือข้อมูลสมาชิกในครอบครัวไม่ตรงตามฐานข้อมูลกรมการปกครอง ผู้ลงทะเบียนสามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยงานรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนได้ยื่นแบบฟอร์มลงทะเบียน หากเป็นผู้ลงทะเบียนที่ไม่มีครอบครัวที่ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์สามารถติดต่อขอแก้ไขข้อมูลได้ ณ หน่วยรับลงทะเบียนที่ผู้ลงทะเบียนสะดวก หากตรวจสอบพบว่าผลการลงทะเบียนสมบูรณ์แล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนกับหน่วยงานตรวจสอบคุณสมบัติต่อไป และจะมีการประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้ในช่วงเดือนมกราคม 2566 โดยกระทรวงการคลังจะแจ้งวันประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติให้ทราบอีกครั้ง

ทั้งนี้ การใช้สิทธิผ่านบัตรสวัสดิการในรอบใหม่จะเป็นการใช้สิทธิผ่านบัตรประจำตัวประชาชน ดังนั้น หลังการประกาศผล หากผู้ลงทะเบียนเป็นผู้ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ผู้ได้รับสิทธิฯ) ผู้ได้รับสิทธิฯ จะต้องไปยืนยันตัวตนผ่าน ธ.ก.ส ธนาคารออมสิน หรือธนาคารกรุงไทยฯ ได้ตั้งแต่วันที่ประกาศผลการตรวจสอบคุณสมบัติเป็นต้นไป ทั้งนี้ ผู้สนใจเกี่ยวกับโครงการฯ สามารถศึกษาข้อมูล เช่น คุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน ระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ช่องทางการลงทะเบียน เป็นต้น เพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th หรือ https://welfare.mof.go.th

อย่าไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่มีการเปิดรับลงทะเบียนโครงการฯ ผู้ที่มีบัตรฯ ปัจจุบันยังคงได้รับสิทธิสวัสดิการปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะมีการประกาศให้เริ่มใช้สิทธิสวัสดิการสำหรับผู้ได้รับสิทธิรอบใหม่ ซึ่งกระทรวงการคลังจะประกาศให้ทราบต่อไป

 

ข่าวจาก : PPTV Online

เคยลงแล้วลงใหม่ได้ ชิมช้อปใช้เฟส 2 มาแล้ว

เมื่อช่วงวันที่ 9 ตุลาคม 2562 ทางด้านของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวว่า ชิมช้อปใช้ เฟส 2 ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายละเอียด ซึ่งยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด โดยได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปศึกษาในรายละเอียดให้ชัดเจน คาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรีได้ภายในเดือนตุลาคม 2562

มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มจำนวนเงินให้กับประชาชน แต่ต้องอยู่ในภายใต้เงื่อนไข เพราะภาครัฐต้องการให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในพื้นที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะเมืองรอง แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง ขณะที่การเปิดให้ลงทะเบียนในเฟส 2 ก็จะให้ลงทะเบียนเพิ่มเติม คาดว่าน่าจะมากกว่า 5 ล้านคน แต่คงไม่ถึง 10 ล้านคนเหมือนกับเฟสแรก และคนที่เคยลงทะเบียนในเฟสแรกก็มีสิทธิ์ลงทะเบียนเฟส 2 อีกครั้ง

ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนโครงการชิมช้อปใช้เฟส 2 คาดว่าจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 เพื่อต้องการให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจผลักดันให้ GDP ไตรมาสสุดท้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าว

กระทรวงการคลัง เผย วิธีสมัครขอรับเงิน 1,000 บาท เที่ยวทั่วไทยทำได้ง่ายๆ แค่ 4 ขั้นตอน ย้ำจำกัดจำนวนแค่ 10 ล้านคนแรกเท่านั้น!

กระทรวงการคลัง เผยถึงขั้นตอนการขอรับเงิน 1,000 บาท ท่องเที่ยวนั้น สาระล้วนๆ ขอเสนอ 4 ขั้นตอนในการ ลงทะเบียนขอรับเงิน 1,000 บาท

  1. ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งจะเปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 24 กันยายน – 15 พฤศจิกายน 2562 หรือจนกว่าสิทธิจะหมด
  2. ได้รับ SMS ยืนยันหลังจากลงทะเบียนไม่เกิน 3 วันทำการ
  3. ดาวน์โหลดแอปฯ “เป๋าตัง” เพื่อรับสิทธิตามมาตรการ
  4. เดินทางท่องเที่ยวและใช้จ่ายได้ ภายใน 14 วัน หลังได้รับ SMSยืนยัน ในจังหวัดที่เลือกไว้ตอนลงทะเบียนเพียง 1 จังหวัด

หากใช้สิทธิไม่ครบตามวงเงิน 1,000 บาท ณ วันสิ้นสุดโครงการ รัฐบาลจะตัดสิทธิทันที

ใครได้เงิน 1,000 บาทบ้าง?

  • ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
  • ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน)
  • มีบัตรประจำตัวประชาชน
  • รับสิทธิ์จำนวน 10 ล้านคนเท่านั้น

รูปแบบการใช้จ่ายวงเงิน 1,000 บาท

ใช้จ่ายผ่านระบบแอปพลิเคชั่น “ถุงเงิน” เท่านั้น หรือร้านค้าที่มีเครื่อง EDC เชื่อมกับธนาคารกรุงไทย โดยสามารถใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร เครื่องดื่ม, ค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น (OTOP), สินค้าวิสาหกิจชุมชน, ร้านธงฟ้าประชารัฐ รวมถึงค่าที่พัก โฮมสเตย์ ที่ถูกต้องตามกฎหมายตามรายชื่อของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

(ไม่สามารถเบิกออกมาเป็นเงินสดได้)

ขอ Cash Back คืนเงิน 15% จากยอดใช้จ่ายได้

ผู้ที่ลงทะเบียนขอรับเงิน 1,000 บาทเที่ยวทั่วไทย ยังได้รับสิทธิ์ Cash Back สูงสุด 15% ของยอดชำระเงินที่ใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน (วงเงินไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน) สำหรับค่าใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก หรือค่าซื้อสินค้าท้องถิ่น (เช่น สินค้า OTOP สินค้าวิสาหกิจ ร้าน THAIDEN ร้านธงฟ้าประชารัฐ) ตั้งแต่วันที่ได้รับ SMS จนถึงวันสิ้นสุดมาตรการ ในจังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน

ได้เงินคืนเท่าไหร่?

ยอดใช้จ่าย (บาท) ได้เงินคืน (บาท)
1,000 150
2,000 300
5,000 750
7,500 1,125
10,000 1,500
15,000 2,250
20,000 3,000
30,000 4,500

สาระสำคัญ

**กระทรวงการคลัง ย้ำจำกัดจำนวนแค่ 10 ล้านคนแรกเท่านั้น!

ข้อมูลจาก sanook