ผักสวนครัว

กุ้งฝอย ในบ่ออาชีพเสริมลงทุนน้อย

เศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้หลายๆท่านมองหาอาชีพเสริมเพื่อเป็นรายได้จุนเจือครอบครัวเพิ่มเติม หนึ่งในอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมคือการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ วันนี้จึงขอนำเสนออีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ไม่ยากลงทุนไม่เยอะแต่ได้ผลดีมาฝากค่ะ นั่นคือการเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติก นั่นเอง

โดยไอเดียนี้มาจาก คุณจันทร์ ชัยภา ประธานศูนย์เรียนรู้เครือข่ายการเลี้ยงสัตว์อินทรีย์ อ.สีคิ้ว ที่ได้แนะนำวิธีการเลี้ยงกุ้งฝอยแบบง่ายๆสำหรับผู้ที่สนใจค่ะ

เตรียมบ่อกุ้งฝอย

1.เริ่มขั้นตอนแรกโดยการขุดบ่อให้มีขนาดขนาด กว้าง 2 เมตร ยาว 8 เมตร และลึก 70 เซนติเมตร โดยท่านใดจะสะดวกก่ออิฐเป็นบ่อขึ้นมาก็ได้ค่ะ

2.จากนั้นนำพลาสติกสีดำมาปูรองก้นบ่อแล้วค่อยนำดินมาเทถมให้ทั่วก้นบ่อเหนือพลาสติกให้หนาประมาณ 7-8 เซนติเมตร แล้วจึงน้ำลงไปให้เต็มบ่อ พักบ่อทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์

3.สุดท้ายให้นำสาหร่าย ผักตบชวา หญ้า หรือพืชน้ำ มาทิ้งไว้ในบ่อเพื่อปรับสภาพน้ำ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการเตรียมบ่อกุ้ง

วิธีปล่อยกุ้งฝอยลงบ่อ

1.ให้เริ่มจากนำกุ้งฝอยจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติหรือซื้อพันธุ์มาประมาณ 5 ขีด หากเป็นตัวเมียเยอะๆจะยิ่งดี (ตัวเมียจะมีไข่สีเขียวๆ ที่อยู่ใต้ท้อง)

2.จากนั้นค่อยๆปล่อยกุ้งฝอยลงในบ่อ โดยช่วงสัปดาห์แรกยังไม่ต้องให้อาหารใดๆทั้งสิ้นเพื่อให้กุ้งฝอยนั้นปรับตัวกับสภาพในบ่อ

การเลี้ยงและบำรุงกุ้งฝอย

อาหารกุ้งฝอย

นำไข่แดงที่ต้มสุกแล้ว(ไข่แดงเท่านั้น) จำนวน 2 ฟอง ผสมกับรำอ่อน 3 ขีด คลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเท่ากำปั้นโยนลงไปในบ่อ ประมาณ 3 ก้อน ในทุกๆวัน 1เดือนให้หลังกุ้งฝอยจะเริ่มวางไข่ ให้ดูตอนกลางคืนโดยนำไฟฉายมาส่องสำรวจว่ากุ้งวางไข่หรือไม่

เทคนิคในการเร่งให้กุ้งฝอยวางไข่นั้น

นำสายยางน้ำมาเปิดลงบ่อ ให้เปิดน้ำแรงๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที กุ้งฝอยนั้นชอบเล่นน้ำไหลและจะดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมาจำนวนมาก และกุ้งฝอยนั้นจะไม่วางไข่ในน้ำนิ่งอีกด้วย เลี้ยงต่อไปเป็นระยะเวลา 1-2 เดือน กุ้งฝอยจะโตเต็มที่พร้อมจำหน่าย รวมระยะเวลาเลี้ยงตั้งแต่เตรียมบ่อถึงเก็บขายประมาณ 4 เดือน

แถม!สูตรวิธีการช่วยดับกลิ่นจัดการกับ เ ชื้ อ โ ร ค ในบ่อกระตุ้นกุ้งฝอยให้โตเร็ว

ทำในช่วงเตรียมบ่อ โดยผสม EM 2 ช้อนแกง , กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง , น้ำ 1 ลิตร หมักส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อัตราส่วนในการใช้ให้นำน้ำหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ใส่บัวรดน้ำแล้วราดรดให้ทั่วบ่อ แล้วค่อยเติมน้ำสะอาดตามลงไปแล้วค่อยลงกุ้งฝอยตาม สูตรนี้ช่วยให้บ่อสะอาดและกุ้งฝอยโตเร็วอีกด้วย

จากการเลี้ยงในบ่อตามขนาดที่คุณจันทร์ ชัยภา แนะนำนั้นจะได้กุ้งฝอยทั้งหมดประมาณ 20-30 กิโลกรัม ต่อบ่อ ซึ่งจะขายได้ในราคา 100 ถึง 200 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว

บ่อกุ้งฝอยนี้สามารถเลี้ยงพร้อมกันได้หลายบ่อการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก ท่านใดมีพื้นที่และกำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่การเลี้ยงกุ้งฝอยนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ

ข้อมูลจาก : POST NO NAME

กุ้งฝอย ในบ่ออาชีพเสริมลงทุนน้อย Read More »

สอนปลูกผักบุ้งในโอ่งมังกร ปลูกง่าย โตไว เก็บได้หลายครั้ง

สวัสดีครับแฟนเพจสาระล้วนๆที่รักทุกท่าน วันนี้แอดมินจะพาออกนอกบ้าน พาทุกท่านไปปลูกผักบุ้งกันครับ แต่ครั้งจะปลูกลงดินทั่วไป มันก็ไม่ใช่สไตล์คนรุ่นใหม่แบบเราสิครับ เพราะวันนี้แอดมินจะพาไปปลูกผักบุ้งในโอ่งมังกรกันครับทุกท่าน เพราะทำง่าย โตไว ต้นขาวสวย เก็บได้หลายครั้งด้วยครับ แต่ก่อนจะไปปลูกผักบุ้ง เราไปทำความรู้จักผักชนิดนี้กันสักนิดนึงครับ

ผักบุ้งมีชื่อเรียกอื่นว่าผักทอดยอด เป็นผักเพื่อสุขภาพที่เรามักจะคุ้นเคยกันมาตลอดว่า ผักบุ้งมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา แต่จริงๆ แล้วผักบุ้งนี้ยังมีประโยชน์มากกว่านั้น เพราะผักบุ้งอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ ๆ ซึ่งในประเทศไทยจะแบ่งผักบุ้งออกเป็น 2 สายพันธุ์หลัก ๆ คือ ผักบุ้งไทยและผักบุ้งจีน สำหรับผักบุ้งไทยเป็นผักบุ้งสายพันธุ์ธรรมชาติที่ขึ้นเองตามแม่น้ำลำคลอง ซึ่งจะมียางสีขาวมากกว่าผักบุ้งจีน ส่วนผักบุ้งจีนเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศแต่ปลูกได้เองแล้วทั่วไปที่เมืองไทย โดยส่วนมากที่นิยมปลูกขายก็คือผักบุ้งจีน เพราะลำต้นค่อนข้างขาวอวบ ใบเขียวอ่อนกรอบ ดอกมีสีขาว และมียางน้อยกว่าผักบุ้งไทย จึงได้รับความนิยมในการรับประทานมากกว่าผักบุ้งไทยนั่นเองครับ

สำหรับอุปกรณ์การปลูกผักบุ้งในโอ่ง

1. โอ่งมังกร อาจจะเป็นโอ่งใหม่สภาพดีหรือโอ่งที่รั่ว ร้าว แตกแล้ว ก็ใช้ได้ ไม่ต้องเจาะก้นโอ่งนะครับ

2. ตะกร้าพลาสติก ไว้สำหรับทำแปลงปลูก ควรมีขนาดเล็กกว่าก้นโอ่งเล็กน้อย หรือไม่มีก็ได้ถ้าก้นโอ่งไม่รั่ว

3. ดินสำหรับปลูก ใช้ดินร่วนซุยหรือปลูกผักทั่วไป

4. กระสอบป่านหรือกระสอบปุ๋ยเก่า ไม้กระดาน หรือตาข่ายเก่า ไว้สำหรับคลุมปากโอ่ง

วิธีปลูก

1. นำดินปลูกที่ผสมแล้วใส่ตะกร้าที่เตรียมไว้ หรือนำดินที่ผสมแล้วใส่ลงในก้นโอ่ง ให้มีความสูงจากก้นโอ่งประมาณ 3-5 นิ้ว ถ้าก้นโอ่งไม่มีรอยรั่วไม่ได้เจาะ ก็ให้ดินสูงนิดหน่อยเพื่อการระบายน้ำเวลารดน้ำผักบุ้ง

2. ใช้เมล็ดผักบุ้งหยอดลงไปในดิน แต่ไม่ควรแน่นจนเกินไป รดน้ำพอชุ่ม

3. เมื่อผักบุ้งแทงยอดอ่อน แล้วเริ่มใช้กระสอบเก่า หรือตาข่าย ปิดบังแสง แต่ให้อากาศผ่านได้

4. ยอดผักบุ้งสูงเกือบถึงปากโอ่ง จึงสามารถตัดยอดไปรับประทานได้

สูตรน้ำหมักชีวภาพสำหรับบำรุงดิน

1. น้ำเปล่า

2. ผักบุ้ง 2 กิโลกรัม

3. หยวกกล้วยอ่อน 3 กิโลกรัม

4. กากน้ำตาล 2 กิโลกรัม

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพสำหรับบำรุงดิน

นำผักบุ้งกับหยวกกล้วยมัดรวมกัน เทน้ำและกากน้ำตาลผสมรวมกัน ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนก่อนนำไปใช้ เมื่อครบกำหนดใช้น้ำหมัก 3 ช้อนแกง ผสมกับน้ำ 20 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางใบ การใส่น้ำหมักชีวภาพลงไปในแปลง จะเป็นการช่วยสร้างแพลงตอนในน้ำ และไม่ทำให้น้ำในแปลงเสีย

ประโยชน์ของผักบุ้ง

นำมาใช้ในการประกอบอาหารอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะผัด แกง ดอง ได้หมด เช่น ผัดผักบุ้งไฟแดง ส้มตำ แกงส้ม แกงเทโพ ยำผักบุ้งกรอบ เป็นต้น

ผักบุ้งนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้เหมือนกัน เช่น หมู เป็ด ไก่ ปลา เป็นต้น (มีหลายคนเข้าใจผิดว่ากระต่ายชอบกินผักบุ้ง แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เพราะอาจจะทำให้ท้องเสียได้ เพราะผักบุ้งมียาง ยกเว้นกระต่ายโต ถ้าจะให้กินไม่ควรให้บ่อยและให้ทีละนิด)

สรรพคุณของผักบุ้ง

มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส มีน้ำมีนวล

มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยในการชะลอวัย ความแก่ชรา และชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัย

ช่วยบำรุงสายตา อาการตาต้อ ตาฝ้าฟาง ตาแดง สายตาสั้น อาการคันนัยน์ตาบ่อย ๆ

ช่วยบำรุงธาตุ

สรรพคุณของผักบุ้งต้นสดของผักบุ้งใช้เป็นตัวดับร้อน แก้อาการร้อนใน

ต้นสดของผักบุ้งช่วยในกาsบำรุงโลหิต

ช่วยเสริมสร้างศักยภาพในด้านความจำและการเรียนรู้ให้ดีขึ้น

ยอดผักบุ้งช่วยแก้โรคประสาท

ช่วยแก้อาการเหงื่อ ออกมาก (รากผักบุ้ง)

มีส่วนช่วยลดระดับ น้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาu

ช่วยแก้อาการปอดศีรษะ อ่อนเพลีย

ต้นสดของผักบุ้งไทยต้นขาวช่วยบำรุงกsะดูกและฟัu

ช่วยแก้อาการเหงือกบวม

ใช้แก้อาการไอเรื้อรัง (รากผักบุ้ง)

แก้เลือดกำเดาไหลออกมากผิดปกติ ด้วยการใช้ต้นสดมาตำผสมน้ำตาลทรายแล้วนำมาชงน้ำร้อนดื่ม

ใช้แก้โรคหืด (รากผักบุ้ง)

ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหาร

ช่วยป้องกันโรคท้องผูก

ยอดผักบุ้งมีส่วนช่วยแก้อาการเสื่อมสมssถภาพ

ผักบุ้งจีนช่วยในการขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะเหลือง

ช่วยแก้หนองใน ด้วยการใช้ลำต้นคั้นนำน้ำมาผสมกับน้ำผึ้งดื่ม

ช่วยแก้ริดสีดวงทวาs ด้วยการใช้ต้นสด 1 กิโล / น้ำ 1 ลิตร นำมาต้มให้เละ เอากากทิ้งแล้วใส่น้ำตาลทรายขาว 120 กรัม แล้วเคี่ยวจนข้นหนืด รับประทานครั้งละ 90 กรัม วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น

ช่วยแก้อากาsตกขาวมากของสตรี (รากผักบุ้ง)

รากผักบุ้งรสจืดเฝื่อนมีสรรพคุณช่วยถอนผิดสำแดง

ผักบุ้งขาวหรือผักบุ้งจีนช่วยให้เจริญอาหาร

ช่วยแก้อาการฟกช้ำ (ผักบุ้งไทยต้นขาว)

ดอกของผักบุ้งไทยต้นขาวใช้แก้กลากเกลื้อน

ข้อมูลจาก ที่นี่มีสาระ

สอนปลูกผักบุ้งในโอ่งมังกร ปลูกง่าย โตไว เก็บได้หลายครั้ง Read More »

มีพื้นที่จำกัด แต่อยากปลูก ‘ผักอินทรีย์’ ไว้กินเองข้างบ้าน ทำได้ไม่ยาก

วิถีชีวิตเกษตรของคนไทยในอดีตเป็นวิถีชีวิตที่อยู่ใกล้ตัว เนื่องจากคนในครอบครัวเกษตรส่วนใหญ่ไม่ซื้อข้าวปลาอาหารจากผืนนาอื่นกินนอกจากเกลือ รอบๆ บ้านจึงปลูกพืชพื้นบ้านทุกอย่างที่กินได้ เช่น พืชผักที่ปลูกครั้งเดียวกินได้นานๆ อย่างฟัก แฟง ขี้เหล็ก สะเดา แค ส่วนพืชที่ใช้ประโยชน์ได้ เช่น ไผ่สารพัดชนิดเพื่อการใช้สอยที่แตกต่างกัน

วิถีชีวิตนี้ได้เลือนหายไปเมื่อเรามาทำมาหากินในเมือง เนื่องจากถูกจำกัดด้วยพื้นที่และเวลา แต่ความเป็นคนที่มีวิถีเกษตรในสายเลือด มีความนึกคิดตลอดเวลาที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนในเมืองว่าอยากจะปลูกต้นไม้ต้นไร่ มีชีวิตอยู่ในสวนตอนอายุมากแล้ว ความคิดนี้มีอยู่ใจของคนส่วนใหญ่

หลายคนหวนคิดถึงวันเวลาที่จะมีอิสรภาพในการทำสิ่งต่างๆ

รองศาสตราจารย์กษิดิศ อื้อเชี่ยวชาญกิจ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ทั้งระดับปริญญาตรี (KU.27) และปริญญาโท ในสาขาสัตวบาล รับราชการเป็นอาจารย์ประจำภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 ต่อมาในปี พ.ศ.2536 จึงโอนย้ายไปสอนที่ภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นับเป็นอาจารย์ด้านสัตวบาลคนแรกของสถาบันฯ ที่ช่วยบุกเบิกการเรียนการสอนด้านการเลี้ยงสัตว์ รองศาสตราจารย์กษิดิศได้เคยทำงานบริหารในตำแหน่งหัวหน้าภาควิชาเทคโนโลยีการเกษตร และรองคณบดีของคณะวิทยาศาสตร์ฯ ทำการสอนและวิจัยที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเกษียณอายุในปี พ.ศ.2553

a

การได้ปฏิบัติราชการอยู่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นโอกาสดีที่ได้ทำงานด้านเกษตรผสมผสานตามที่ใฝ่ฝันไว้ เนื่องจากแนวคิดที่ว่าเกษตรกรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรรายย่อยซึ่งมีฐานะยากจน ทางรอดที่จะให้เกษตรกรรายย่อยมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นและอยู่ได้อย่างมีความสุขนั้น ต้องเป็นการเกษตรแบบผสมผสาน ทุกกิจกรรมมีการเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และดำเนินชีวิตตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การเกษตรของไทยนับตั้งแต่ยุค “ปฏิวัติเขียว” หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา จึงได้มีการนำวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในการเกษตร จุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มผลผลิตการเกษตรให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค

แต่การนำเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการเพิ่มผลผลิตการเกษตรอย่างขาดความระมัดระวังนี้เอง ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม สร้างความเสียหายต่อทุกภาคส่วนดังที่ปรากฏตราบจนทุกวันนี้

จากผลที่ปรากฏดังกล่าว ทำให้ผู้บริโภคเริ่มตื่นตัวเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะอาหาร ผู้บริโภคที่รักษาสุขภาพและสิ่งแวดล้อมจึงปฏิเสธการบริโภคอาหารที่มีสารปนเปื้อนในกระบวนการผลิต ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำลายสิ่งแวดล้อมและขาดคุณธรรม อาหารดังกล่าวเรียกว่า “อาหารอินทรีย์” ดังนั้น การเกษตรแบบผสมผสานในรูปแบบของเกษตรอินทรีย์จึงเป็นงานที่ต้องหันมาทำการศึกษาวิจัย ให้ความรู้แก่นักศึกษา เกษตรกร และผู้บริโภค แทนที่จะมุ่งใช้แต่เทคโนโลยีแผนใหม่ที่ต้องพึ่งพาสารเคมีสังเคราะห์

รองศาสตราจาย์กษิดิศกล่าวถึงการศึกษาด้านเกษตรของไทยว่า จากการเรียนการสอนวิชาการเกษตรในระดับอุดมศึกษา ส่วนใหญ่เน้นไปในด้านวิชาการเชิงลึก แต่ยังอ่อนด้านการปฏิบัติการในรูปแบบของการบูรณาการ หรือการนำไปใช้ได้จริง สำหรับการเกษตรอินทรีย์เป็นการเกษตรแบบองค์รวมที่มีการบูรณาการทุกแขนงวิชาการเกษตรเข้าด้วยกัน รวมไปถึงการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น การมีคุณธรรม ตลอดจนการวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ หากจะผลิตเพื่อเป็นธุรกิจ”

e

ในช่วงที่ยังมีภารกิจการสอน รศ.กษิดิศ ปลูกพืชผักอินทรีย์ซึ่งไม่มีการใช้สารเคมีสังเคราะห์ เพื่อใช้บริโภคเองไว้บริเวณหลังบ้าน โดยมีการศึกษาการเจริญเติบโตของผักควบคู่ไปด้วย เมื่อเกษียณอายุราชการ จึงขยายการปลูกผักอินทรีย์ในพื้นที่นอกบ้านเพื่อเป็นธุรกิจซึ่งต้องมีการลงทุน ทั้งด้านวัสดุ อุปกรณ์และแรงงาน การดำเนินงาน แต่เมื่อเริ่มต้นไปสักระยะก็ต้องหยุดลงกะทันหัน เนื่องจากต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจที่รั่วมานาน

ในช่วงของการพักฟื้นก็ได้คู่ชีวิตที่ชอบการปลูกผักในรูปแบบเดียวกันดูแล โดยปลูกผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์เพื่อบริโภคเองเป็นหลักไว้รอบๆ บ้านพักอาศัยซึ่งมีพื้นที่ 111 ตารางวาในหมู่บ้านชัยพฤกษ์รามอินทรา

นอกจากบริโภคเองแล้ว ผักบางอย่างที่เหลือจากการบริโภคจะแจกจ่ายให้ญาติมิตรและขายให้กับคนในหมู่บ้าน ตลอดจนนำไปส่งขายที่ร้านขายผักอินทรีย์-ผักไร้สารพิษ Organic Station ที่ตลาดถนอมมิตรซึ่งอยู่ใกล้บ้าน บางครั้งก็นำไปขายที่ตลาดนัดโรงเรียนไตรพัฒน์ คลองหก อำเภอลำลูกกา เดือนละครั้ง และตลาดนัดสีเขียว ศูนย์สุขศาสตร์หลังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีบู๊ธขายสินค้าที่เป็นเกษตรอินทรีย์นานาชนิดทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดีอีกด้วย การขายผักอย่างละนิดอย่างละหน่อยนี้ รศ.กษิดิศกล่าวว่า รายได้ทุกเดือนมากกว่ารายจ่ายในบ้านเสียอีก

เกษตรอินทรีย์ เริ่มที่บ้าน

แปลงผักที่ปลูกจะใช้ไม้เฌอร่าซึ่งทนแดดทนฝน มีหน้ากว้าง 20 เซนติเมตร ตัดเป็นรูปแปลงผักขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 4 เมตร นำวัสดุปลูกซึ่งเป็นดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ใส่ลงไปบล๊อกไม้เฌอร่าให้สูงจากพื้นเดิมประมาณ 20 เซนติเมตร เสริมจุลินทรีย์ของดินด้วยการรดน้ำหมักชีวภาพ แล้วจึงนำต้นกล้าผักที่เตรียมไว้ซึ่งมีอายุ 10-15 วัน ปลูกลงในแปลงพื้นดินด้านล่าง หากมีพื้นที่จำกัดก็ปลูกผักลงในตะกร้าแล้วแขวนข้างกำแพงบ้าน ผักที่ปลูกนั้นมีหลายชนิด แต่ยังยึดการปลูกเพื่อบริโภคเป็นสำคัญ เช่น คะน้า กวางตุ้ง ผักบุ้ง ผักกาดหัว ฟักเขียว แตงกวา มะนาว กระเพรา แมงลัก พริกขี้หนู และโหระพา เป็นต้น

นอกจากการปลูกผักแล้ว รศ.กษิดิศ ยังเลี้ยงไส้เดือนดินร่วมกับการปลูกผักอินทรีย์ โดยใช้มูลโคที่หมักแล้วเสริมด้วยเศษผัก เศษผลไม้ และเศษอาหารเลี้ยงไส้เดือนดิน ในมูลไส้เดือนก็นำมาใช้เป็นปุ๋ยสำหรับใส่พืชผักอินทรีย์ การดูแลผักจะดำเนินการด้วยตนเอง ไม่มีการจ้างแรงงานเลย

d

การปลูกพืชผักในช่วงแรกจะมีแมลงศัตรูพืชรบกวน เป็นเรื่องปกติ ต้องหมั่นสังเกตเดินดูแปลงผัก ออกกำลังกายไปเรื่อยๆ หากเจอศัตรูพืชก็เก็บออก ตอนปลูกครั้งแรกๆ จะใช้น้ำหมักชีวภาพและน้ำส้มควันไม้เพื่อป้องกันและขับไล่ศัตรูพืช

ทั้งนี้ จะไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ การปลูกผักในรูปแบบดังกล่าว เมื่อปลูกติดต่อกันไปนานๆ จะสังเกตได้ว่าการรบกวนของศัตรูพืชลดลงมาก ทั้งนี้อาจเกิดจากธรรมชาติมีความสมดุลขึ้น มีตัวห้ำตัวเบียนมาอยู่ช่วยกำจัดศัตรูพืชผัก

จากหลักการเกษตรอินทรีย์ที่มีการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ที่เกื้อกูลกัน รองศาสตราจารย์กษิดิศจึงได้เลี้ยงไก่ไข่ไว้บริเวณด้านข้างตัวบ้าน โดยเริ่มเลี้ยงจากลูกเจี๊ยบประมาณ 60 ตัว ทั้งนี้ตั้งใจใช้มูลไก่ที่ได้มาปรับปรุงดินปลูกพืช เลี้ยงด้วยเศษอาหารที่ได้จากร้านอาหารใกล้บ้าน และใช้น้ำหมักชีวภาพควบคุมกลิ่นมูลสัตว์เมื่อเลี้ยงไก่ไข่ได้จนอายุประมาณ 5 เดือน ใกล้ที่จะให้ไข่ก็ต้องขนย้ายไก่ไข่ไปเลี้ยงที่อื่น ทั้งนี้เนื่องจากไก่โตขึ้นและมีจำนวนมากเกินกว่าที่น้ำหมักชีวภาพจะควบคุมกลิ่นได้

ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นการนำเป็ดไข่ 10 ตัว มาเลี้ยงแทนใช้และใช้น้ำหมักชีวภาพร่วมกับจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงมาควบคุมกลิ่น ทุกวันนี้ไข่เป็ดที่ได้จำนวนวันละ 6-7 ฟอง บริโภคไม่หมดก็นำไปขาย ใช้เศษผักและวัชพืชในแปลงผักเป็นอาหารเสริมแก่เป็ด น้ำในอ่างที่ให้เป็ดได้ลงเล่นก็นำออกมาใช้รดต้นไม้ มูลเป็ดนำใช้เป็นปุ๋ยปลูกผัก

นอกจากการปลูกผักแล้ว รศ.กษิดิศ ยังส่งเสริมเพื่อนบ้านให้ปลูกผักรับประทานเอง โดยให้คำปรึกษาแนะนำเป็นวิทยาทาน ตลอดจนจัดหาวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการปลูกผักอินทรีย์มาจำหน่าย เช่น ดินผสมมูลไส้เดือนสำหรับใช้ปลูกพืชผัก ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยจากมูลไส้เดือน กากน้ำตาล น้ำหมักชีวภาพ สารชีวภัณฑ์ และสารสมุนไพรใช้ควบคุมศัตรูพืช เป็นต้น

b

สรุปหัวใจสำคัญ

รองศาสตราจารย์กษิดิศกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “การปลูกพืชอินทรีย์ที่ใช้พื้นที่จำกัดข้างบ้าน ให้ยึดหลักว่า

1. ต้องใช้พื้นที่ที่มีอยู่ทั้งหมดให้เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด โดยการปรับปรุงดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืช น้ำใช้ไม่มีปัญหาสำหรับการปลูกพืชในบริเวณบ้าน เนื่องจากน้ำมีเพียงพอ

2. ปลูกพืชที่ใช้บริโภคในครัวเรือนก่อน โดยเริ่มต้นอาจมีไม่กี่ชนิด เมื่อปลูกต่อไปๆ ชนิดของพืชจะเพิ่มมาก คนปลูกจะมีความสุขและมั่นใจในผักที่ตัวเองปลูกว่ามีความปลอดภัยมากกว่าผักตลาดที่เหลือจากการบริโภคนำออกแจกจ่ายญาติมิตรและจำหน่ายในขั้นต่อไป

และประการที่ 3. การจำหน่ายผลผลิตไม่ควรที่จะต้องขนส่งไปไกล ควรหาตลาดที่อยู่ใกล้สำหรับการขนส่งเอง และถ้าเป็นตลาดที่ไกลควรให้ผู้ซื้อมารับเอง เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของเราในการขนส่ง”

การปลูกผักอินทรีย์ข้างบ้านเป็นความสุขหลังเกษียณอายุราชการที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนมากมาย เหมาะสมกับกำลังกายที่มี ไม่ต้องออกแรงหนักมากนัก โดยใช้แรงงานภายในครอบครัวก็มีความสุขที่ได้ผักดีๆ มาบริโภค ผักอาจจะด้อยความงามไปบ้าง แต่ก็มากด้วยคุณค่าทางจิตใจและคุณค่าทางอาหารเพราะเป็นผักที่ปลูกตามวิถีธรรมชาติ เมื่อมีผลผลิตเหลือเฟือก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นจากการแบ่งปันพืชผักที่ปลอดภัยให้คนอื่น

สอบถามเรื่องผักกับรศ.กษิดิศ ได้ที่ โทร. 081-8215007

มีพื้นที่จำกัด แต่อยากปลูก ‘ผักอินทรีย์’ ไว้กินเองข้างบ้าน ทำได้ไม่ยาก Read More »

“ปฎิทินปลูกผัก” แจกฟรี พร้อมเคล็ดลับให้มีผักกินตลอดปี แม้น้ำน้อย จนเก็บกินแทบไม่ทัน

เป็นอีกหนึ่งไอเดียดีๆ และแน่นอนว่าการปลูกพืชผักสวนครัวนั้นถือเป็นสิ่งที่ชาวเกษตรหลายคนต่างให้ความสนใจเช่นเดียวกับแม่บ้านหลายคนที่มีพื้นที่เหลือในบริเวณรอบบ้านก็อยากจะปลูกผักไว้รับประทานกินเองในบ้าน เพราะการปลูกผักในบ้านนั้นสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน


อีกทั้งยังได้อาหารที่กฎหมายและเป็นประโยชน์และสามารถสานสัมพันธ์คนในครอบครัวด้วยการปลูกผักได้อีกด้วย แต่ในบางครั้งถ้าหากเลือกผักผิดชนิดและปลูกผิดฤดูกาลพืชผักเหล่านั้นก็ไม่สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้เช่นกัน และนั่นก็อาจจะกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้การปลูกผักไม่ประสบความสำเร็จเสียที


และในตอนนี้เทรนการปลูกผักสวนครัวนอกบ้านนั้นกำลังมาแรงเป็นอย่างมากและมีผู้คนนั้นต่างให้ความสนใจมันจะดีกว่าไหมถ้าหากเรารู้ว่าผักชนิดไหนควรปลูกในฤดูใดและจะต้องปลูกอย่างไรซึ่งในวันนี้ทางทีมงานก็จะพาทุกคนนั้นมาดูผักแต่ละชนิดที่ควรจะปลูกในแต่ละฤดูกาลกันซึ่งจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเรามาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันเลยดีกว่า


ซึ่งในเรื่องของการเริ่มต้นการปลูกผักนั้นโดยในตอนแรกการเลือกชนิดผักที่จะปลูกหรือว่าสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะผู้ที่จะปลูกนั้นควรปลูกผักที่ตนเองและสมาชิกในครอบครัวรับประทานได้และมีการปลูกผักนอกเหนือจากผักที่รับประทานในชีวิตประจำวัน


เช่น กะเพรา โหระพา ตะไคร้ มะนาว หอมแบ่ง ผักชี มะกรูด พริก โดยผักเหล่านี้สามารถปลูกในกระถางได้แต่ถ้าหากใครนั้นอยากจะปลุกเขาให้มีทางปีเรานั้นก็สามารถเลือกชนิดผักที่เจริญเติบโตได้ดีตามแต่ละช่วงเดือนใน 1 ปีได้อย่างตารางข้างล่างนี้ เลย


ฤดูร้อน


ฤดูฝน


ฤดูหนาว


และนี่ก็คือตารางในการปลูกผักแต่ละเดือนซึ่งแน่นอนว่าการปลูกผักนั้นก็ควรคำนึงถึงการปลูกผักตามฤดูกาลเสียด้วยเพราะว่าจะมีสภาพอากาศที่เป็นตัวแปรในการทำให้พืชผักแต่ละชนิดเจริญเติบโตสวยงามโดยไม่ต้องใช้สารเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโตแต่อย่างใดโดยในแต่ละฤดูนั้นสามารถปลูกผักได้ดังนี้


ช่วงฤดูร้อน
โดยในช่วงนี้พืชผักที่ปลูกนั้นอาจจะไม่สวยงามมากเพราะมีอากาศที่ร้อนอบอ้าวโดยการปลูกผักในช่วงนี้จะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของการลดน้ำเป็นพิเศษและสามารถเลือกชนิดของผักได้ตามที่ต้องการจะรับประทานผักที่ควรจะปลูกนั้นจะต้องมีฤทธิ์เย็นและแก้อาการร้อนในของร่างกายของคนได้อีกด้วยซึ่งขณะที่เราจะแนะนำนั้นก็จะมี ผักกาดฮ่องเต้ ฟัก ผักกาดขาว แตงกวา บวบ และผักเลื้อยต่างๆ


ช่วงฤดูฝน
โดยในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีสภาวะความชื้นสูงเพราะมีน้ำฝนจากฝนที่ตกตามธรรมชาติจึงไม่สามารถควบคุมปริมาณน้ำได้และทำให้ผักบางชนิดนั้นอาจจะเกิดเน่าเสีย เพราะได้รับน้ำมากเกินความจำเป็น จึงทำให้ผักในฤดูนี้มีราคาที่ค่อนข้างแพงและเป็นผักที่ช้ำง่ายแต่ก็จะมีผักพื้นบ้านที่สามารถออกผลงานและพร้อมให้เก็บมารับประทานได้ในช่วงนี้ซึ่งก็จะมี โสน ขี้เหล็ก ถั่วฝักยาว มะเขือ ผักปลัง ดอกขจร กวางตุ้ง คะน้า ตำลึง ผักบุ้ง พืชผักตระกูลขิงข่าต่างๆ


ช่วงฤดูหนาว
โดยช่วงนี้เป็นช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นถือเป็นเวลานาทีทองของผักสลัดต่างๆเช่นผักคอส กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ผักกาดและกะหล่ำ และรวมถึงผักที่ทานเป็นหัวเช่นแครอทนอกจากนี้ยังมีผักพื้นบ้านและผักทั่วไปหลายๆชนิดก็สามารถออกผลดีในช่วงหน้าหนาวนี้ด้วยเช่นกันก็จะมีหอมแบ่ง ผักชี สะเดา กุ้ยช่ายดอกแค ขึ้นฉ่ายเป็นต้น


ซึ่งก็จะเห็นได้ว่าในแต่ละฤดูนั้นก็สามารถกำหนดผักแต่ละชนิดที่ควรปลูกไว้ซึ่งถ้าหากใครต้องการที่จะปลูกผักก็สามารถนำตารางผักนี้เอาไปปลูกได้ด้วยเช่นกันเพื่อที่จะได้ผลที่สวยงามและไม่ต้องใช้สารเคมีแต่อย่างใดและนอกจากการที่ปลูกผักไว้รับประทานเองแล้วนั้น


เจ้าของบ้านนั้นก็สามารถนำผักเหล่านี้มาตกแต่งบ้านที่สามารถดูมีความร่มรื่นสวยงามภายในพร้อมๆกันได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะกลายเป็นสวนผักที่มีความแก๋ไก๋ด้วยนั้น ก็ถือเป็นข้อดีของผักสวนครัวที่มีอยู่ในรั้วบ้านนอกจากจะรับประทานได้แล้วยังสามารถสร้างบรรยากาศภายในบ้านให้ได้ดีอีกด้วย

ข้อมูลจาก Fastviweuk

“ปฎิทินปลูกผัก” แจกฟรี พร้อมเคล็ดลับให้มีผักกินตลอดปี แม้น้ำน้อย จนเก็บกินแทบไม่ทัน Read More »