สร้างอาชีพ

ลงทุนน้อยกำไรงาม ปลูกพริกในกระสอบ ทำเงินได้กว่า 15,000 บาท/เดือน บนที่ดินเพียง 1 งาน

การปลูกพริกในกระสอบเป็นวิธีการ ป ลู ก พริกแบบใหม่ ไม่ต้องปลูกลงดิน แต่ใช้กระสอบป่านแทน ทีนี้ท่านผู้อ่าน จ ะ เ กิ ด คำถามในใจสงสัยว่า ทำไมไม่ใช้กระถางหรือปลูกลงบ่อซีเมนต์ สาเหตุที่เลือกใช้ ก ร ะ ส อ บ ป่านเพราะ มีข้อดีตรงน้ำหนักเบา ยกเคลื่อนย้ายไปวางปลูกที่ไหนก็ได้

ไม่หนักเหมือนปลูก ใ น ก ร ะ ถ า ง ในบ่อซีเมนต์ และใช้ต้นทุนในการปลูกไม่สูง กระถาง หรือ บ่อซีเมนต์ นั้นมีต้นทุนในการ ป ลู ก สูง แต่กระสอบป่านนั้นมีราคาถูกกว่ามาก แล้วทำไมไม่ปลูกลงดินโดยตรงไปเลย…? สาเหตุเพราะไม่ว่าดินจะมีสภาพแย่แค่ไหน ก็ปลูกได้หมด เพราะเราสามารถปรับปรุงดินได้ ถ้าปลูกลงดิน โ ด ย ตรงเวลาเราใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ปุ๋ยจะกระจายไปทั่ว ซึมลงดินไปตามกระแสน้ำ แต่ถ้า เ ร าใส่ปุ๋ยบำรุงในกระสอบ ปุ๋ยก็จะอยู่แค่ในกระสอบ และ ยังปลูกพริกได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องพักดิน

นาย พิเชษ ด้วงชู กำลังศึกษาอยู่ชั้น ปวส. ปี 2 สาขา ด้ า น พืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง มีแนวคิดที่อยากจะช่วยพ่อแม่หารายได้ ซึ่งทางบ้านก็ทำสวนยางพาราอยู่แล้ว แต่ด้วยราคายางพาราที่ตกต่ำทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก แต่ก็พอมีที่ดินเล็กๆว่างอยู่ข้างบ้าน ประมาณ 1 งาน แต่ดินไม่ดีปลูกอะไรก็ยาก นาย พิเชษ ได้ความรู้มาจากการเข้าร่วม “โครงการเกษตรเพื่อชีวิต เกษตรรุ่นใหม่ ใส่ใจมาตรฐาน” โดยได้นำเอาแนวคิด การปลูกพริกในกระสอบ มาปรับใช้ในที่ดินของตนเอง

ปลูกพริกกระสอบ …ที่ดินแค่งานเดียว สร้างรายได้เท่าเงินเดือนคนจบปริญญาตรี ทั้งยังไม่ต้องใช้ที่ดินในการเพาะปลูกมาก ก็สามารถทำได้ ต้นทุนต่ำ และ ได้ผลผลิตดีที่บ้านมีที่ดินน้อยแต่อยากลองวิชาที่อบรมมา ทำได้ จ ริ ง หรือเปล่า เพราะคิดว่าที่ดินแค่งานเดียว จะไปทำอะไรได้ แต่เมื่อได้เริ่มลงมือทำ… ปรากฏว่าผิดคาด แค่ลองครั้งแรก ตามประสาคนไม่มีประสบการณ์ หักต้นทุน ยังเหลือกำไรตั้งห้าพันบาท

และ พอมาลงมือทำแบบจริงจัง อาศัยบทเรียนจากครั้ง แ ร ก ต่อยอดมาทำบนที่ดิน 1 งาน ปลูกพริกกระสอบ 200 ถุง ปลูกไปได้ 3 เดือน ก็เริ่มเห็นผล แต่ละเดือนได้พริกประมาณ 120 กก. ราคากิโลละ 130-150 บาท คำนวนคร่าวๆก็ตกเดือนละ 15,000-18,000 บาท

วิธีปลูกพริกกระสอบให้ได้ผล นาย พิเชษ บอกเคล็ดลับว่า เริ่มจากนำดินร่วนปนทราย 12 กก. มาผสมมูลวัว 5 ขีด ปูนขาว 1 กำมือ คลุก เ ค ล้ า ให้เข้ากันใส่ถุงปุ๋ย พับ ป า ก ถุงให้สูงขึ้นมาจากดินที่บรรจุอยู่ในถุงประมาณ 1 ฝ่ามือ เพื่อช่วยบังลมให้ต้นกล้าพริกส่วนพันธุ์พริกที่จะนำมาปลูกนั้นแล้วแต่จะเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับ ค ว า ม ต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ แต่สำหรับพัทลุง จะใช้พริกพันธุ์เดือยไก่ เพราะตลาดใน แ ถ บ นี้มีความต้องการพริกพันธุ์เดือยไก่มากกว่าชนิดอื่น ทำให้ได้ราคาดีกว่าพริกชนิดอื่น

ลงปลูกเพียงแค่ 3 เดือน สามารถเก็บขายได้นาน เ ป็ น ปีหรืออาจจะมากกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแล สูตรการปรุงดิน และเมื่อต้นพริกวาย (หมดอายุ) ก็ แ ค่ ย ก กระสอบออกนำดินไปเทผึ่งแดดฆ่าเชื้อ หาดินชุดใหม่มาใส่กระสอบทำเหมือนเดิม แนวทางการทำเกษตรด้วยการปลูกพืชในกระสอบนั้น ถือว่าเป็นวิธีที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแต่ คุณ พิเชษ ก็ได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้จนเหมาะสม

ถือได้ว่าเป็นเกษตรกรยุคใหม่ที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยน แ ป ล ง ได้ดี ใฝ่หาข้อมูลความรู้ ลองผิดลองถูก พัฒนาแนวทาง จนสามารถนำเอาความรู้ทาง ก า ร เ ก ษต ร มาประกอบเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้ครอบครัวและตัวเองได้เป็นอย่างดี เป็นตัวอย่าง ค น รุ่ น ใ ห ม่ กล้าคิด และลงมือทำ เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในทางของเราเอง

ข้อมูลจาก Closeeyes

ลงทุนน้อยกำไรงาม ปลูกพริกในกระสอบ ทำเงินได้กว่า 15,000 บาท/เดือน บนที่ดินเพียง 1 งาน Read More »

ปลูกมะเขือเปราะ ให้ติดดอก ออกผลดกตลอดฤดูกาล


เมื่อกล่าวถึงมะเขือเปราะ หลายท่านคงรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นพืชผักยอดนิยมของบ้านเรา ปรุงอาหารได้หลากหลายอย่าง อีกทั้งยังปลูกง่ายเป็นพืชที่ทนต่องสภาพอากาศได้ดี วันนี้จึงขอนำเสนอ เทคนิคการปลูกมะเขือให้ออกดอกออกผลตลอดทั้งปี เก็บกินได้เรื่อยๆ วิธีการก็ไม่ยากเลยค่ะ ไปดูกันเลย

พันธุ์มะเขือเปราะ

มะเขือเปราะที่นิยมรับประทานนั้น จะเป็นพันธุ์เจ้าพระยา ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิม มีลักษณะผลที่กลมมีสีเขียวอ่อนริ้วสีขาว รสชาติดี หวานกรอบ

การเพาะกล้าต้นมะเขือเปราะ

1.เริ่มขั้นตอนแรกเริ่มโดยเตรียมดินและปุ๋ย ในอัตราส่วน 2 : 1 และนำดินผสมเรียบร้อยแล้วใส่ลงในถาดพลาสติกสำหรับเพาะกล้า

2.ต่อมาใช้ไม้แหลมเล็กๆ ปักลงไปในดินในถาดพลาสติกเพาะกล้า โดยให้มีความลึก 0.5 ซม.

3.จากนั้นนำเมล็ดมะเขือเปราะค่อยๆหยอดลงในหลุมปลูก โดยหยอดหลุมละประมาณ 1-2 เมล็ด แล้วนำกลบดินผิวหน้าเมล็ด ใช้ปูนขาวโรยเป็นเส้นยาวๆล้อมถาดเพาะไว้

4.เมื่อทำการเพาะไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน จะเริ่มเห็นว่ามะเขือเปราะเริ่มงอกกล้าขึ้นมาให้เห็น ให้รดน้ำต้นกล้ามะเขือเปราะทุกวันๆละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็น เมื่อมะเขือเปราะมีอายุ 25-30 วัน จึงค่อยย้ายกล้ามะเขือเปราะลงปลูกในแปลงปลูกหรือในกระถางต่อไป

ขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกมะเขือเปราะ

1.ทำการเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดเพื่อย่อยดินหน้าดินให้มีความลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร

2.ใส่ปุ๋ยหว่านให้ทั่วแล้วทำใช้จอบผสมคลุกเคล้ากับดินในแปลง ขุดหลุมปลูกโดยให้มีระยะปลูกระหว่างต้นห่าง 70-80 เซนติเมตร โดยในระหว่างแถวให้ห่าง 90-100 เซนติเมตร แล้วนำกล้ามะเขือลงปลูกได้เลยค่ะ

การดูแลรักษามะเขือเปราะขณะปลูก

หลังจากทำการย้ายกล้ามาปลูกแล้วประมาณ 7-10 วัน ให้เริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตราต้นละ 1 ใน 4 ส่วนของช้อนชา และควรโรยห่างจากโคนต้นประมาณ 2-3 เซนติเมตรแล้วรดน้ำตามทันที

หลังจากทำการย้ายกล้ามาปลูกแล้วประมาณ 45-60 วัน มะเขือเปราะจะเริ่มออกผลผลิตมาให้เห็น ก็สามาถเก็บผลผลิตไปบริโภคได้เลยค่ะ

หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ไปประมาณ 2 เดือน ให้ทำการตัดแต่งกิ่งออกเพื่อมะเขือเปราะเจริญเติบโตจะให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้อีกต่อไปเรื่อยๆ

ถือว่าเป็นการปลูกมะเขือเปราะที่ไม่ได้มีกรรมวิธียุ่งยากอะไร และวิธีนี้ยังให้ผลผลิตเยอะมากๆและต่อเนื่องอีกด้วยค่ะ ลองไปทดลองปลูกกันดูนะคะ

ปลูกมะเขือเปราะ ให้ติดดอก ออกผลดกตลอดฤดูกาล Read More »

สร้างอาชีพกับ 4 อาชีพเกษตร ทุนเริ่มต้นน้อย

ปัจจุบันถือเป็นยุคข้าวยากหมากแพง อะไรๆก็แพงไปหมด ปลูกอะไรลงทุนอะไรก็หมดเงินไปหลายหมื่นหลายแสน วันนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาทำอาชีพเกษตรแบบลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมากมาฝากค่ะ

1.เพาะเห็ดนางฟ้าภูฎานในบ่อปูนซีเมนต์

ใช้ต้นทุน 470 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. บ่อปูนซีเมนต์ 120 บาท
  2. พลาสติกหรือกระสอบป่านสำหรับคลุม
  3. แผ่นไม้เก่า
  4. ก้อนเชื้อเห็ด 10 บาท (1 บ่อ เพาะได้ 30-35 ก้อน)
  5. ผ้าคลุม

วิธีทำ

  • เริ่มจากตะแคงบ่อปูนในแนวตั้ง และหาแผ่นไม้มาวางรองเป็นฐานสำหรับวางก้อนเชื้อ
  • จากนั้นทำการเปิดก้อนเชื้อเห็ดโดยการแกะกระดาษและเศษวัสดุต่างๆที่หุ้มไว้ตรงจุกก้อนออก แล้วนำก้อนเห็ดมาวางเรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยหันจุกก้อนเห็ดออกมานอกบ่อ
  • ทำการรดน้ำ โดยวิธีรดน้ำนั้นให้รดลงไปบนก้อนเชื้อเห็ด ระมัดระวังอย่าให้เข้าไปในก้อนเชื้เด็ดขาดอ จากนั้นใช้ผ้าคลุมแล้วรดน้ำใส่ผ้าอีกครั้งนึง เพื่อรักษาความชื้นในบ่อเพาะ
  • รดน้ำวันละ 3 เวลา ทุกๆ เช้า กลางวัน เย็น ประมาณ 7 วัน ตุ่มดอกเห็ดจะเริ่มงอกออกมาแล้วค่ะ

ส่วนราคาขาเห็ดนางฟ้าภูฎานอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 – 120 บาท

2.เพาะถั่วงอกในขวด

ใช้ต้นทุน 490 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ขวดน้ำพลาสติกเหลือใช้
  • ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม 35 บาท ( 14 กิโลกรัม = 490 บาท )

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกทำการแช่เมล็ดถั่วเขียวในน้ำอุ่น 1 คืน ( น้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น )
  2. จากนั้นนำขวดพลาสติกมาเจาะรูด้านข้างของขวด เพื่อทำไว้เป็นรูสำหรับระบายน้ำ
  3. นำถั่วเขียวที่แช่น้ำอุ่นเรียบร้อยแล้วมาใส่ในขวดพลาสติกที่เจาะรูแล้ว นำผ้าสะอาดห่อขวดไว้เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันแสงส่องถึง(ถ้ามีแสงส่องถั่วงอกจะเป็นสีเขียวและจะมีใบงอกออกมา)
  4. ทำการรดน้ำถั่วงอก เช้า-เย็น ทุกๆวัน เมื่อเวลาผ่านไป 3 วัน ก็สามารถเก็บขายได้ ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม เมื่อนำมาทำการเพาะจะได้ถั่วงอกประมาณ 7 กิโลกรัม

ส่วนราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 10 บาท นั่นคือ ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม จะได้กำไร 35 บาท

3.เพาะสาระแหน่ในตะกร้า

ใช้ต้นทุน 420 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • สาระแหน่จากตลาดประมาณ 2 กรัม 20 บาท
  • ถาดรอง 20 บาท
  • ตะกร้าพลาสติก 20 บาท
  • หินเพอร์ไลท์ + ถาดหลุม 160 บาท ( สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ )
  • ปุ๋ยน้ำ 200 บาท

วิธีทำ

  1. เริ่มจากทำการเลือกยอดอ่อนของสาระแหน่ ต้องเลือกยอดที่ดูแล้วสมบูรณ์ แข็งแรง ใบไม่หลุด ไม่มีรอยใบไหม้ จะทำให้ง่ายต่อการเพาะเพื่อให้ได้ผลผลิตดี
  2. ต่อมาทำการริดใบด้านล่างออกให้เหลือเพียงใบเลี้ยงไว้ที่ปลายยอด 2-3 ใบ
  3. นำยอดสาระแหน่ที่ตัดแต่งเตรียไว้มาปักลงในถาดหินเพอร์ไลท์ โดยขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังไม่เกิดความเสียหายแก่ยอด
  4. จากนั้นนำถาดหินเพอร์ไลท์ไปใส่ลงในตะกร้า แล้วนำถาดรองก้นตะกร้าอีกทีเพื่อรองน้ำ รักาาระดับน้ำให้อยู่ประมาณฐานตะกร้าตลอดเวลา ควรผสมปุ๋ยน้ำเสริมไประหว่างเพาะจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสาระแหน่(อัตราการใส่ปุ๋ยสามารถดูได้ข้างขวด)
  5. เมื่อครบ 1 เดือน จะเริ่มแตกยอดออกใบ พร้อมให้เก็บเกี่ยวได้เลย และยังสามารถนำยอดอ่อนใหม่มาขยายเพาะซ้ำได้เรื่อยๆอีกด้วยค่ะ

4.เพาะเห็ดฟางในตะกร้า

ใช้ต้นทุน 150–300 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ตะกร้าทรงกลมสูง 5 ใบ ราคาใบละ 20 บาท=100 บาท
  • ก้อนเชื้อเห็ดฟาง50 บาท
  • ถุงดำ 50 บาท
  • ฟางข้าว+ขี้เลื่อย
  • ชั้นวางเก่าๆเหลือใช้

วิธีทำ

  1. เริ่มจากการนำฟางข้าวแช่น้ำไว้ 1 คืน จากนั้นนำมาผึ่งให้แห้ง
  2. นำใส่ฟางลงไปที่ก้นตะกร้า ตามด้วยขี้เลื่อย แล้วค่อยๆโรยเชื้อเห็ดฟางตามลงไป
  3. ทำซ้ำแบบข้อ 2 เป็นชั้นๆจนเต็มตะกร้า โดยเน้นโรยขี้เลื่อยและเชื้อเห็ดให้เยอะในชั้นบนสุด เพื่อให้ออกดอกเต็มที่
  4. ขั้นสุดท้ายให้ครอบด้วยถุงพลาสติกดำ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 วัน จะเริ่มมีละอองน้ำเกาะในถุงพลาสติกอยู่แต่ถ้าไม่มีให้รดน้ำเพิ่มตามเข้าไป
  5. เมื่อเวลาผ่านไป 12 วัน เห็ดดอกเล็กๆจะเริ่มออกดอก แล้วนับต่อไปอีก 5 ค่อยทำการเก็บดอก จะได้เห็ดประมาณ 2 กิโลกรัมต่อ 1 ตะกร้าค่ะ

ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 4 ถึงวันที่ 9 ห้ามเปิดถุงเด็ดขาดเพราะจำให้เชื้อหยุดการเจริญเติบโต

อาชีพที่ลงลุนน้อยมีหลากหลายอาชีพให้ทุกท่านเลือทกทำตามความถนัดและความเหมาะสม อยู่ที่ว่าท่านใดจะกล้าลงมือและเริ่มทำมันค่ะ

ข้อมูลจาก : liekr.com

สร้างอาชีพกับ 4 อาชีพเกษตร ทุนเริ่มต้นน้อย Read More »