อาชีพเกษตร

“แก้วมังกรสีเหลืองอิสราเอล” หวาน หอม อร่อย ขายกิโลละ 120 บาท มีเพียงแห่งเดียวที่จังหวัดเลย

แก้วมังกร เป็นอีกหนึ่งผลไม้สุดโปรดของหลายๆท่าน เพราะความหวาน อร่อย ทานง่าย และมีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากว่า แก้วมังกรขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งไฟเบอร์เป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยลดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดได้

วันนี้เรามีแก้วมังกรเหลืองอิสราเอล ซึ่งเป็นอีกสายพันธุ์ที่อร่อยอย่างมาก โดยคุณจอม หรือ นายวรวัฒน์ สอนจันทร์ อายุ 30 ปี หนุ่มไฟแรง ชอบการเกษตร มาปลูกแก้วมังกรเหลืองอิสราเอล มีเพียงแห่งเดียวที่จังหวัดเลย อยู่ที่ถนนภูเรือ-เลย ตรงแยกสานตม-อ.ท่าลี่ ต.สานตม อ.ภูเรือ จ.เลย เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 3 ก.ม.

ซ้ายมือจะพบสวนแก้วมังกรไร่พ่อจอมอยู่ริมทางถนน ที่ปลูกแก้วมังกรอยู่บนเนินเขาประมาณ 50 ไร่ เต็มไปด้วยเสาหลักที่ปลูกแก้วมังกรร่วม 10,000 หลัก/ต้น สุดหูสุดตา และปลูกแก้วมังกรเหลืองอิสราเอลที่เยอะที่สุดเป็นรายแรกของจังหวัดเลย

แก้วมังกรเหลืองอิสราเอล ผลเป็น สี เ ห ลื อ ง สวย เปลือกหนา เนื้อแน่น อร่อย หวาน หอม รสชาติเหมือนลิ้นจี่ หากินได้ยากราคาแพงตกกิโลละ 120 บาท

นายวรวัฒน์ สอนจันทร์ ที่สวนปลูกแก้วมังกรจำนวน 50 ไร่ แยกเป็นแก้วมังกรสีแดง 40 ไร่สีเหลือง 10 ไร่มีจำนวน 1,200 หลัก ได้ผลผลิตแล้วประมาณ 200 หลัก ที่สวนจะปลูกแก้วมังกรเหลืองอิสราเอลโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ เราจะไม่ใช้ปุ๋ยเคมี

โดยเฉพาะตลาดเมืองไทยผู้บริโภคชอบแก้วมังกร สีเหลืองมาก หาซื้อได้ยากและราคาแพงแก้วมังกรเหลืองอิสราเอล เป็นไม้ในสกุล ไฮโลซีรีอัส เป็นพืชในตระกูลกระบองเพชรชนิดหนึ่งที่มีลำต้นเลื้อยได้ไกลประมาณ 3–5 เมตร ลำต้นมีลักษณะเป็นแฉก 3 แฉก มีหนาม มีราก 2 แบบ คือ รากลงดินและมีรากอากาศสำหรับเป็นมือเกาะสิ่งที่พาดพัน ดอกเป็นรูปกรวยขนาดใหญ่ ออกตามซอกหนามของลำต้น

ดอกเป็นสีขาว แ ล ะ ด อ ก จะบานเฉพาะตอนกลางคืนเพียงคืนเดียวแล้วจะร่วง จากนั้นจะติดผลเป็นรูปกลมรีหรือรี ย า ว แล้วแต่สายพันธุ์ ผลโตเต็มที่มีน้ำหนักเกือบ 1 กิโลกรัมต่อผล หรือ 1 กิโลกรัมต่อผล เปลือกผลเป็นสีเหลืองสด ครีบเป็นสีเขียวดูสวยงามมากตามภาพประกอบคอลัมน์ เนื้อในสุกเป็นสีขาว มีเมล็ดขนาดเล็กเป็นสีดำจำนวนมากกระจายทั่ว รสชาติหวานหอมรับประทานอร่อยยิ่งนัก

มีดอกและติดผลช่วงเดือนมิถุนายนต่อเนื่องไปจนถึงผลแก่หรือสุกเดือนตุลาคมของทุกปี ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำต้น ปลูกได้ในดินทั่วไป เหมาะจะปลูกเพื่อเก็บผลกินในครัวเรือนหรือเก็บผลขายได้ราคาดีและคุ้มค่ามาก

ที่สวนของคุณจอม ปลูกแก้วมังกรสีเหลือง หรือแก้วมังกรอิสราเอล เป็นรายแรกของจังหวัดเลย ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดที่เพจ ‘สวนแก้วมังกร ไร่พ่อจอม ขาย กิ่งพันธุ์แก้วมังกร กิ่งพันธุ์พริกไทยซีลอน’ เลยนะคะ

หรือ ลู ก ค้ า ท่านใดที่สนใจสามารถรับ “กิ่งพันธุ์แก้วมังกร” สวนแก้วมังกร ไร่พ่อจอม ได้ที่หน้าสวนในราคา 5 บาท ถ้ามีการขนส่งคิดตาม ร ะ ย ะ ทางล่ะก็จำนวน ลูกค้าสามารถรักษากิ่งพันธุ์แก้วมังกรด้วยการวางใต้ร่มไม้  หรือที่พรางแสงและรถน้ำ 2 วันต่อครั้งทำให้สามารถเก็บกิ่งพันธุ์ไว้ได้นานแต่ ร ะ วั ง ปลวกถ้าพื้นเป็นดิน

ข้อมูลจาก www.ให้ความรู้.com

“แก้วมังกรสีเหลืองอิสราเอล” หวาน หอม อร่อย ขายกิโลละ 120 บาท มีเพียงแห่งเดียวที่จังหวัดเลย Read More »

วิธีเพาะเห็ดเผาะ เพาะเองได้ไม่ต้องรอฤดูกาล

เห็ดเผาะ” เป็นเห็ดพื้นบ้านที่นิยมนำมารับประทานมาก ช่วงนี้ราคาเห็ดเผาะ กิโลกรัมละเกือบพันบาท แต่ถึงจะแพงยังไง ก็ยังซื้อกินกันจนเห็ดโตไม่ทันอยู่ดี สำหรับใครที่ชอบกินเมนูเห็ดเผาะ ถือได้ว่าเป็นข่าวดีเลยก็ว่าได้ เพราะว่า เห็ดเผาะสามารถปลูกเองได้ โดยที่ไม่ต้องรอหน้าฝนอีก 1 ปี วนมาอีกรอบต่อไปแล้ว

ด้วยความที่เห็ดเผาะ มีเนื้อกรอบกุบกับ มีรสหวานเล็กน้อย รสชาติอร่อย จนเป็นที่ต้องการของคนจำนวนมาก ซึ่งนอกจากจะมีรสชาติที่ดีแล้ว ยังมีประโยชน์คุณค่าทางโภชนาสูง และยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย โดย“เห็ดเผาะ” หรือ “เห็ดถอบ” มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ “เห็ดเผาะหนัง” สีดำกรอบๆ และ “เห็ดเผาะฝ้าย” ออกไปทางอ่อนนิ่ม

ดร.อานนท์ เอื้อตระกลู ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ด้านการเพาะเห็ด องค์การสหประชาชาติ ได้ให้ความรู้ว่า ” เราสามารเพาะเห็ดเผาะ โดยนำเชื้อเห็ดเผาะ ใส่เข้าไปในรากของต้นไม้ เช่น ต้นยางนา ต้นพลวง มะค่า เต็งรัง ต้นไม้พวกนี้หากมีเชื้อเห็ดเผาะเข้าไปอาศัยจะโตไวมาก เพราะเส้นใยเห็ดเผาะ จะเกาะอยู่ที่ปลายราก ย่อยอาหารจำพวกฟอสฟอรัสซึ่งมีอยู่มากในรากพืชจำพวกนี้ ทำให้พืชแข็งแรง และ ป้องกันโรค อย่างอื่นมาทำลา ยรากของต้นไม้นั้น เรียกว่า อยู่กันแบบพึ่งพาอาศัย “

สำหรับเห็ดเผาะ จะนิยมนำมาทำอาหารในช่วงที่อ่อนๆ เราจึงได้นำวิธีการจับดูเห็ดเผาะ ด้วยลักษณะภายนอกแบบคร่าวๆ เพื่อให้เราสามารถแยกเห็ดเผาะได้ว่าแบบไหนที่จะนำมาทำอาหารได้อร่อย ดังนี้

วิธีการปลูกเห็ดเผาะ
วิธีที่ 1 นำ “เห็ดเผาะ” ที่แ ก่จัดมาแกะเอาสปอร์ข้างใน แล้วนำไปผสมน้ำให้เข้ากัน จากนั้นนำน้ำดำๆ ที่ได้ราดไปที่โคนต้นไม้ ในปีถัดไปก็จะมีเห็ดเผาะเกิดตามรากไม้ รออีกสัก 2 ปีให้ต้นไม้โตพอ ค่อยเริ่มเก็บเห็ดได้ และจะเกิดที่ต้นไม้ต้นนี้ทุกๆปี

วิธีที่ 2 คล้ายๆกับวิธีแรก แต่จะนำน้ำดำๆ ไปรดกล้าต้นไม้ทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละครั้ง แล้วสังเกตุดูต้นกล้าถ้าเริ่มเห็นว่ามีเนื้อเยื่อ “เห็ดเผาะ” เจริญเติบโตแล้ว ให้นำไปปลูกได้ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด

วิธีที่ 3 ใช้วิธีนำต้นกล้าไปปลูกทิ้งไว้ใต้ต้นไม้ยางนาสักระยะ ก็จะได้ต้นกล้าที่ติดเชื้อ “เห็ดเผาะ” ไปด้วย แต่เมื่อในปีถัดไปมี “เห็ดเผาะ” เกิดขึ้น อย่าพึ่งเก็บเพราะต้นไม้ยังไม่แข็งแรงพอ วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าวิธีอื่น

หากใครสะดวกวิธีการแบบไหน ก็ลองใช้ได้ตามความต้องการของแต่ละคนได้เลยครับ รู้วิธีการปลูกเห็ดเผาะ ด้วยตัวเองง่ายๆแบบนี้แล้ว ก็ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อกิโลละเกือบพันบาทกันแล้วนะครับ

ข้อมูลจาก www.kasetnana.com

วิธีเพาะเห็ดเผาะ เพาะเองได้ไม่ต้องรอฤดูกาล Read More »

ลงทุนน้อยกำไรงาม ปลูกพริกในกระสอบ ทำเงินได้กว่า 15,000 บาท/เดือน บนที่ดินเพียง 1 งาน

การปลูกพริกในกระสอบเป็นวิธีการ ป ลู ก พริกแบบใหม่ ไม่ต้องปลูกลงดิน แต่ใช้กระสอบป่านแทน ทีนี้ท่านผู้อ่าน จ ะ เ กิ ด คำถามในใจสงสัยว่า ทำไมไม่ใช้กระถางหรือปลูกลงบ่อซีเมนต์ สาเหตุที่เลือกใช้ ก ร ะ ส อ บ ป่านเพราะ มีข้อดีตรงน้ำหนักเบา ยกเคลื่อนย้ายไปวางปลูกที่ไหนก็ได้

ไม่หนักเหมือนปลูก ใ น ก ร ะ ถ า ง ในบ่อซีเมนต์ และใช้ต้นทุนในการปลูกไม่สูง กระถาง หรือ บ่อซีเมนต์ นั้นมีต้นทุนในการ ป ลู ก สูง แต่กระสอบป่านนั้นมีราคาถูกกว่ามาก แล้วทำไมไม่ปลูกลงดินโดยตรงไปเลย…? สาเหตุเพราะไม่ว่าดินจะมีสภาพแย่แค่ไหน ก็ปลูกได้หมด เพราะเราสามารถปรับปรุงดินได้ ถ้าปลูกลงดิน โ ด ย ตรงเวลาเราใส่ปุ๋ยบำรุงดิน ปุ๋ยจะกระจายไปทั่ว ซึมลงดินไปตามกระแสน้ำ แต่ถ้า เ ร าใส่ปุ๋ยบำรุงในกระสอบ ปุ๋ยก็จะอยู่แค่ในกระสอบ และ ยังปลูกพริกได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องพักดิน

นาย พิเชษ ด้วงชู กำลังศึกษาอยู่ชั้น ปวส. ปี 2 สาขา ด้ า น พืชศาสตร์ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีพัทลุง มีแนวคิดที่อยากจะช่วยพ่อแม่หารายได้ ซึ่งทางบ้านก็ทำสวนยางพาราอยู่แล้ว แต่ด้วยราคายางพาราที่ตกต่ำทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก แต่ก็พอมีที่ดินเล็กๆว่างอยู่ข้างบ้าน ประมาณ 1 งาน แต่ดินไม่ดีปลูกอะไรก็ยาก นาย พิเชษ ได้ความรู้มาจากการเข้าร่วม “โครงการเกษตรเพื่อชีวิต เกษตรรุ่นใหม่ ใส่ใจมาตรฐาน” โดยได้นำเอาแนวคิด การปลูกพริกในกระสอบ มาปรับใช้ในที่ดินของตนเอง

ปลูกพริกกระสอบ …ที่ดินแค่งานเดียว สร้างรายได้เท่าเงินเดือนคนจบปริญญาตรี ทั้งยังไม่ต้องใช้ที่ดินในการเพาะปลูกมาก ก็สามารถทำได้ ต้นทุนต่ำ และ ได้ผลผลิตดีที่บ้านมีที่ดินน้อยแต่อยากลองวิชาที่อบรมมา ทำได้ จ ริ ง หรือเปล่า เพราะคิดว่าที่ดินแค่งานเดียว จะไปทำอะไรได้ แต่เมื่อได้เริ่มลงมือทำ… ปรากฏว่าผิดคาด แค่ลองครั้งแรก ตามประสาคนไม่มีประสบการณ์ หักต้นทุน ยังเหลือกำไรตั้งห้าพันบาท

และ พอมาลงมือทำแบบจริงจัง อาศัยบทเรียนจากครั้ง แ ร ก ต่อยอดมาทำบนที่ดิน 1 งาน ปลูกพริกกระสอบ 200 ถุง ปลูกไปได้ 3 เดือน ก็เริ่มเห็นผล แต่ละเดือนได้พริกประมาณ 120 กก. ราคากิโลละ 130-150 บาท คำนวนคร่าวๆก็ตกเดือนละ 15,000-18,000 บาท

วิธีปลูกพริกกระสอบให้ได้ผล นาย พิเชษ บอกเคล็ดลับว่า เริ่มจากนำดินร่วนปนทราย 12 กก. มาผสมมูลวัว 5 ขีด ปูนขาว 1 กำมือ คลุก เ ค ล้ า ให้เข้ากันใส่ถุงปุ๋ย พับ ป า ก ถุงให้สูงขึ้นมาจากดินที่บรรจุอยู่ในถุงประมาณ 1 ฝ่ามือ เพื่อช่วยบังลมให้ต้นกล้าพริกส่วนพันธุ์พริกที่จะนำมาปลูกนั้นแล้วแต่จะเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับ ค ว า ม ต้องการของตลาดในแต่ละพื้นที่ แต่สำหรับพัทลุง จะใช้พริกพันธุ์เดือยไก่ เพราะตลาดใน แ ถ บ นี้มีความต้องการพริกพันธุ์เดือยไก่มากกว่าชนิดอื่น ทำให้ได้ราคาดีกว่าพริกชนิดอื่น

ลงปลูกเพียงแค่ 3 เดือน สามารถเก็บขายได้นาน เ ป็ น ปีหรืออาจจะมากกว่า ขึ้นอยู่กับการดูแล สูตรการปรุงดิน และเมื่อต้นพริกวาย (หมดอายุ) ก็ แ ค่ ย ก กระสอบออกนำดินไปเทผึ่งแดดฆ่าเชื้อ หาดินชุดใหม่มาใส่กระสอบทำเหมือนเดิม แนวทางการทำเกษตรด้วยการปลูกพืชในกระสอบนั้น ถือว่าเป็นวิธีที่ยังไม่ค่อยมีคนรู้จักแต่ คุณ พิเชษ ก็ได้เรียนรู้และนำมาปรับใช้จนเหมาะสม

ถือได้ว่าเป็นเกษตรกรยุคใหม่ที่ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยน แ ป ล ง ได้ดี ใฝ่หาข้อมูลความรู้ ลองผิดลองถูก พัฒนาแนวทาง จนสามารถนำเอาความรู้ทาง ก า ร เ ก ษต ร มาประกอบเป็นอาชีพสร้างรายได้ให้ครอบครัวและตัวเองได้เป็นอย่างดี เป็นตัวอย่าง ค น รุ่ น ใ ห ม่ กล้าคิด และลงมือทำ เพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จในทางของเราเอง

ข้อมูลจาก Closeeyes

ลงทุนน้อยกำไรงาม ปลูกพริกในกระสอบ ทำเงินได้กว่า 15,000 บาท/เดือน บนที่ดินเพียง 1 งาน Read More »

ปลูกมะเขือเปราะ ให้ติดดอก ออกผลดกตลอดฤดูกาล


เมื่อกล่าวถึงมะเขือเปราะ หลายท่านคงรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นพืชผักยอดนิยมของบ้านเรา ปรุงอาหารได้หลากหลายอย่าง อีกทั้งยังปลูกง่ายเป็นพืชที่ทนต่องสภาพอากาศได้ดี วันนี้จึงขอนำเสนอ เทคนิคการปลูกมะเขือให้ออกดอกออกผลตลอดทั้งปี เก็บกินได้เรื่อยๆ วิธีการก็ไม่ยากเลยค่ะ ไปดูกันเลย

พันธุ์มะเขือเปราะ

มะเขือเปราะที่นิยมรับประทานนั้น จะเป็นพันธุ์เจ้าพระยา ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิม มีลักษณะผลที่กลมมีสีเขียวอ่อนริ้วสีขาว รสชาติดี หวานกรอบ

การเพาะกล้าต้นมะเขือเปราะ

1.เริ่มขั้นตอนแรกเริ่มโดยเตรียมดินและปุ๋ย ในอัตราส่วน 2 : 1 และนำดินผสมเรียบร้อยแล้วใส่ลงในถาดพลาสติกสำหรับเพาะกล้า

2.ต่อมาใช้ไม้แหลมเล็กๆ ปักลงไปในดินในถาดพลาสติกเพาะกล้า โดยให้มีความลึก 0.5 ซม.

3.จากนั้นนำเมล็ดมะเขือเปราะค่อยๆหยอดลงในหลุมปลูก โดยหยอดหลุมละประมาณ 1-2 เมล็ด แล้วนำกลบดินผิวหน้าเมล็ด ใช้ปูนขาวโรยเป็นเส้นยาวๆล้อมถาดเพาะไว้

4.เมื่อทำการเพาะไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน จะเริ่มเห็นว่ามะเขือเปราะเริ่มงอกกล้าขึ้นมาให้เห็น ให้รดน้ำต้นกล้ามะเขือเปราะทุกวันๆละ 1-2 ครั้ง เช้าและเย็น เมื่อมะเขือเปราะมีอายุ 25-30 วัน จึงค่อยย้ายกล้ามะเขือเปราะลงปลูกในแปลงปลูกหรือในกระถางต่อไป

ขั้นตอนการเตรียมแปลงปลูกมะเขือเปราะ

1.ทำการเตรียมดินปลูก โดยใช้จอบขุดเพื่อย่อยดินหน้าดินให้มีความลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร

2.ใส่ปุ๋ยหว่านให้ทั่วแล้วทำใช้จอบผสมคลุกเคล้ากับดินในแปลง ขุดหลุมปลูกโดยให้มีระยะปลูกระหว่างต้นห่าง 70-80 เซนติเมตร โดยในระหว่างแถวให้ห่าง 90-100 เซนติเมตร แล้วนำกล้ามะเขือลงปลูกได้เลยค่ะ

การดูแลรักษามะเขือเปราะขณะปลูก

หลังจากทำการย้ายกล้ามาปลูกแล้วประมาณ 7-10 วัน ให้เริ่มใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตราต้นละ 1 ใน 4 ส่วนของช้อนชา และควรโรยห่างจากโคนต้นประมาณ 2-3 เซนติเมตรแล้วรดน้ำตามทันที

หลังจากทำการย้ายกล้ามาปลูกแล้วประมาณ 45-60 วัน มะเขือเปราะจะเริ่มออกผลผลิตมาให้เห็น ก็สามาถเก็บผลผลิตไปบริโภคได้เลยค่ะ

หลังจากที่เก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ไปประมาณ 2 เดือน ให้ทำการตัดแต่งกิ่งออกเพื่อมะเขือเปราะเจริญเติบโตจะให้ผลผลิตรุ่นใหม่ได้อีกต่อไปเรื่อยๆ

ถือว่าเป็นการปลูกมะเขือเปราะที่ไม่ได้มีกรรมวิธียุ่งยากอะไร และวิธีนี้ยังให้ผลผลิตเยอะมากๆและต่อเนื่องอีกด้วยค่ะ ลองไปทดลองปลูกกันดูนะคะ

ปลูกมะเขือเปราะ ให้ติดดอก ออกผลดกตลอดฤดูกาล Read More »

อาชีพเกษตรลงทุนน้อย หากถูกเลิกจ้างก็ทำได้เลย

1.เพาะเห็ดฟางในตะกร้า

ใช้ต้นทุนเพียง 150–300 บาท

ขั้นตอนการทำ

1.ตะกร้าทรงกลมสูง 5 ใบ ราคาใบละ 20 บาท=100 บาท

2.ก้อนเชื้อเห็ดฟาง 50 บาท

3.ฟางข้าว+ขี้เลื่อย

4.ถุงดำ 50 บาท

วิธีทำ

1.เริ่มขั้นตอนแรกโดยการนำฟางข้าวแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วผึ่งให้แห้ง

2.ใส่ฟางลงไปที่ก้นตะกร้า ตามด้วยขี้เลื่อย แล้วโรยเชื้อเห็ดฟางตามลงไป

3.ทำซ้ำแบบข้อ 2 เป็นชั้นๆจนเต็มตะกร้า ชั้นบนสุดให้โรยขี้เลื่อยและเชื้อเห็ดมากๆ ดอกเห็ดจะได้ออกเต็มที่

4.จากนั้นให้ครอบด้วยถุงพลาสติกดำ เพาะจนเวลาผ่านไป 4-5 วัน จะเริ่มมีละอองน้ำเกาะในถุงดำอยู่แต่ถ้าไม่มีให้รดน้ำเพิ่มความชื้น

5.จากนั้น 12 วันต่อมา เห็ดดอกเล็กๆจะเริ่มออกดอก แล้วอีก 5 ค่อยทำการเก็บดอก จะได้เห็ดประมาณ 2 กิโลกรัมต่อ 1 ตะกร้าค่ะ

ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 4 ถึงวันที่ 9 ห้ามเปิดถุงเด็ดขาดเพราะจำให้เชื้อเห็โหยุดการเจริญเติบโตแล้วเห็ดจะเน่าหมดค่ะ

4 อาชีพนี้เป็นอาชีพเกษตรที่ทำง่ายๆท่านใดอยากลองทำเป็นอาชีพเสริมก็ได้นะคะ รับรองทำง่ายขายคล่องค่ะ

2.สาระแหน่ในตะกร้า

ใช้ต้นทุนเพียง 420 บาท

ขั้นตอนการทำ

1.ยอดสาระแหน่ประมาณ 2 กรัม 20 บาท

2.ถาดสำหรับรอง 20 บาท

3.ตะกร้าตาถี่พลาสติก 20 บาท

4.หินเพอร์ไลท์ + ถาดหลุม 160 บาท ( สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ )

5.ปุ๋ยน้ำ 200 บาท

วิธีทำ

1.เลือกสาระแหน่ยอดที่สมบูรณ์ จะทำให้การเพาะได้ผลผลิตดี

2.ริดใบด้านล่างยอดออกให้เหลือเพียงใบเลี้ยงไว้ปลายยอดประมาณ 2-3 ใบ

3.นำยอดสาระแหน่ที่ตัดแต่งเตรียไว้มาปักลงในถาดหินเพอร์ไลท์ โดยขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังไม่เกิดความเสียหายแก่ยอด

4.จากนั้นนำถาดหินเพอร์ไลท์ใส่ลงในตะกร้า แล้วนำถาดรองตะกร้าอีกชั้นเพื่อรองน้ำ รักษาระดับน้ำให้อยู่ประมาณฐานตะกร้าอยู่ตลอด ควรผสมปุ๋ยน้ำเสริมไประหว่างเพาะจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสาระแหน่(อัตราการใส่ปุ๋ยสามารถดูได้ข้างขวด)

5.เมื่อครบ 1 เดือน จะเริ่มแตกยอดออกใบ พร้อมให้เก็บเกี่ยวได้เลย และยังสามารถนำยอดอ่อนใหม่มาขยายเพาะซ้ำได้เรื่อยๆอีกด้วยค่ะ

3.เพาะเห็ดนางฟ้าในบ่อปูนซีเมนต์

ใช้ต้นทุนเพียง 470 บาท

ขั้นตอนการทำ

1.บ่อปูนซีเมนต์ 120 บาท

2.พลาสติกใสหรือกระสอบสำหรับคลุม

3.เศษไม้เก่า

4.ก้อนเชื้อเห็ดนางฟ้า 10 บาท (1 บ่อ เพาะได้ 30-35 ก้อน)

วิธีทำ

1.ตะแคงบ่อปูนซีเมนต์ในแนวตั้ง แล้วหาเศษแผ่นไม้มาวางรองเพื่อวางก้อนเชื้อ

2.เปิดก้อนเชื้อเห็ดทำได้โดยแกะเศษวัสดุต่างๆที่หุ้มไว้ตรงจุกก้อนออก นำก้อนเห็ดมาเรียงซ้อนกันขึ้นไปต่อชั้นๆ โดยให้หันจุกก้อนเห็ดออกมาด้านนอกบ่อ

3.รดน้ำนั้นให้รดลงไปบนก้อนเชื้อเห็ด อย่าให้เน้ำข้าไปในก้อนเชื้อเด็ดขาด แล้วค่อยเอาพลาสติกหรือกระสอบคลุมแล้วรดน้ำใส่วัสดุคลุมอีกครั้ง

4.รดน้ำวันละ 3 เวลา ทุก-เช้า-กลางวัน-เย็น ผ่าไป 7 วัน ตุ่มดอกเห็ดจะเริ่มออกมาให้เห็นแล้ว

ราคาขาย

อยู่ที่กิโลกรัมละ 100 – 120 บาท

4.เพาะถั่วงอกในขวด

ใช้ต้นทุนเพียง 490 บาท

วัสดุอุปกรณ์ที่ต้องเตรียม

1.ขวดน้ำพลาสติกเหลือใช้

2.ถั่วเขียวอย่างดี 1 กิโลกรัม 35 บาท ( ใช้ 14 กิโลกรัม = 490 บาท )

ขั้นตอนการทำ

1.เริ่มจากแช่เมล็ดถั่วเขียวในน้ำอุ่นเป็นเวลา 1 คืน

2.นำขวดพลาสติกมาเจาะรูที่ด้านข้างของขวด เพื่อทำไว้เป็นเพื่อระบายน้ำ

3.จากนั้นนำถั่วเขียวที่แช่น้ำอุ่นมาใส่ในขวดพลาสติกที่เจาะรูเตรียมไว้ แล้วเอาผ้าสะอาดห่อขวดไว้เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันแสง

4.ดูแลบำรุงต้นถั่วโดยรดน้ำถั่วงอก เช้า-เย็น เมื่อเวลาผ่านไป 3 วัน ก็สามารถเก็บขายได้ โดยถั่วเขียว 1 กิโลกรัมสามารถเพาะถั่วงอกได้ถึง 7 กิโลกรัม

ราคาขาย

กิโลกรัมละ 10 บาท นั่นคือ ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม จะได้กำไร 35 บาท

ข้อมูลจาก POST NO NAME

อาชีพเกษตรลงทุนน้อย หากถูกเลิกจ้างก็ทำได้เลย Read More »

กุ้งฝอย ในบ่ออาชีพเสริมลงทุนน้อย

เศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้หลายๆท่านมองหาอาชีพเสริมเพื่อเป็นรายได้จุนเจือครอบครัวเพิ่มเติม หนึ่งในอาชีพเสริมที่ได้รับความนิยมคือการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ วันนี้จึงขอนำเสนออีกหนึ่งอาชีพเสริมที่ไม่ยากลงทุนไม่เยอะแต่ได้ผลดีมาฝากค่ะ นั่นคือการเลี้ยงกุ้งฝอยในบ่อพลาสติก นั่นเอง

โดยไอเดียนี้มาจาก คุณจันทร์ ชัยภา ประธานศูนย์เรียนรู้เครือข่ายการเลี้ยงสัตว์อินทรีย์ อ.สีคิ้ว ที่ได้แนะนำวิธีการเลี้ยงกุ้งฝอยแบบง่ายๆสำหรับผู้ที่สนใจค่ะ

เตรียมบ่อกุ้งฝอย

1.เริ่มขั้นตอนแรกโดยการขุดบ่อให้มีขนาดขนาด กว้าง 2 เมตร ยาว 8 เมตร และลึก 70 เซนติเมตร โดยท่านใดจะสะดวกก่ออิฐเป็นบ่อขึ้นมาก็ได้ค่ะ

2.จากนั้นนำพลาสติกสีดำมาปูรองก้นบ่อแล้วค่อยนำดินมาเทถมให้ทั่วก้นบ่อเหนือพลาสติกให้หนาประมาณ 7-8 เซนติเมตร แล้วจึงน้ำลงไปให้เต็มบ่อ พักบ่อทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์

3.สุดท้ายให้นำสาหร่าย ผักตบชวา หญ้า หรือพืชน้ำ มาทิ้งไว้ในบ่อเพื่อปรับสภาพน้ำ เป็นอันเสร็จขั้นตอนการเตรียมบ่อกุ้ง

วิธีปล่อยกุ้งฝอยลงบ่อ

1.ให้เริ่มจากนำกุ้งฝอยจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติหรือซื้อพันธุ์มาประมาณ 5 ขีด หากเป็นตัวเมียเยอะๆจะยิ่งดี (ตัวเมียจะมีไข่สีเขียวๆ ที่อยู่ใต้ท้อง)

2.จากนั้นค่อยๆปล่อยกุ้งฝอยลงในบ่อ โดยช่วงสัปดาห์แรกยังไม่ต้องให้อาหารใดๆทั้งสิ้นเพื่อให้กุ้งฝอยนั้นปรับตัวกับสภาพในบ่อ

การเลี้ยงและบำรุงกุ้งฝอย

อาหารกุ้งฝอย

นำไข่แดงที่ต้มสุกแล้ว(ไข่แดงเท่านั้น) จำนวน 2 ฟอง ผสมกับรำอ่อน 3 ขีด คลุกเคล้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเท่ากำปั้นโยนลงไปในบ่อ ประมาณ 3 ก้อน ในทุกๆวัน 1เดือนให้หลังกุ้งฝอยจะเริ่มวางไข่ ให้ดูตอนกลางคืนโดยนำไฟฉายมาส่องสำรวจว่ากุ้งวางไข่หรือไม่

เทคนิคในการเร่งให้กุ้งฝอยวางไข่นั้น

นำสายยางน้ำมาเปิดลงบ่อ ให้เปิดน้ำแรงๆ ทิ้งไว้ประมาณ 10-20 นาที กุ้งฝอยนั้นชอบเล่นน้ำไหลและจะดีดตัวทำให้ไข่ตกลงมาจำนวนมาก และกุ้งฝอยนั้นจะไม่วางไข่ในน้ำนิ่งอีกด้วย เลี้ยงต่อไปเป็นระยะเวลา 1-2 เดือน กุ้งฝอยจะโตเต็มที่พร้อมจำหน่าย รวมระยะเวลาเลี้ยงตั้งแต่เตรียมบ่อถึงเก็บขายประมาณ 4 เดือน

แถม!สูตรวิธีการช่วยดับกลิ่นจัดการกับ เ ชื้ อ โ ร ค ในบ่อกระตุ้นกุ้งฝอยให้โตเร็ว

ทำในช่วงเตรียมบ่อ โดยผสม EM 2 ช้อนแกง , กากน้ำตาล 2 ช้อนแกง , น้ำ 1 ลิตร หมักส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันเป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ อัตราส่วนในการใช้ให้นำน้ำหมัก 1 ลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร ใส่บัวรดน้ำแล้วราดรดให้ทั่วบ่อ แล้วค่อยเติมน้ำสะอาดตามลงไปแล้วค่อยลงกุ้งฝอยตาม สูตรนี้ช่วยให้บ่อสะอาดและกุ้งฝอยโตเร็วอีกด้วย

จากการเลี้ยงในบ่อตามขนาดที่คุณจันทร์ ชัยภา แนะนำนั้นจะได้กุ้งฝอยทั้งหมดประมาณ 20-30 กิโลกรัม ต่อบ่อ ซึ่งจะขายได้ในราคา 100 ถึง 200 บาทต่อกิโลกรัมเลยทีเดียว

บ่อกุ้งฝอยนี้สามารถเลี้ยงพร้อมกันได้หลายบ่อการดูแลก็ไม่ยุ่งยาก ท่านใดมีพื้นที่และกำลังมองหาอาชีพเสริมอยู่การเลี้ยงกุ้งฝอยนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ

ข้อมูลจาก : POST NO NAME

กุ้งฝอย ในบ่ออาชีพเสริมลงทุนน้อย Read More »

สร้างอาชีพกับ 4 อาชีพเกษตร ทุนเริ่มต้นน้อย

ปัจจุบันถือเป็นยุคข้าวยากหมากแพง อะไรๆก็แพงไปหมด ปลูกอะไรลงทุนอะไรก็หมดเงินไปหลายหมื่นหลายแสน วันนี้จึงขอเชิญชวนทุกท่านมาทำอาชีพเกษตรแบบลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมากมาฝากค่ะ

1.เพาะเห็ดนางฟ้าภูฎานในบ่อปูนซีเมนต์

ใช้ต้นทุน 470 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  1. บ่อปูนซีเมนต์ 120 บาท
  2. พลาสติกหรือกระสอบป่านสำหรับคลุม
  3. แผ่นไม้เก่า
  4. ก้อนเชื้อเห็ด 10 บาท (1 บ่อ เพาะได้ 30-35 ก้อน)
  5. ผ้าคลุม

วิธีทำ

  • เริ่มจากตะแคงบ่อปูนในแนวตั้ง และหาแผ่นไม้มาวางรองเป็นฐานสำหรับวางก้อนเชื้อ
  • จากนั้นทำการเปิดก้อนเชื้อเห็ดโดยการแกะกระดาษและเศษวัสดุต่างๆที่หุ้มไว้ตรงจุกก้อนออก แล้วนำก้อนเห็ดมาวางเรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นชั้นๆ โดยหันจุกก้อนเห็ดออกมานอกบ่อ
  • ทำการรดน้ำ โดยวิธีรดน้ำนั้นให้รดลงไปบนก้อนเชื้อเห็ด ระมัดระวังอย่าให้เข้าไปในก้อนเชื้เด็ดขาดอ จากนั้นใช้ผ้าคลุมแล้วรดน้ำใส่ผ้าอีกครั้งนึง เพื่อรักษาความชื้นในบ่อเพาะ
  • รดน้ำวันละ 3 เวลา ทุกๆ เช้า กลางวัน เย็น ประมาณ 7 วัน ตุ่มดอกเห็ดจะเริ่มงอกออกมาแล้วค่ะ

ส่วนราคาขาเห็ดนางฟ้าภูฎานอยู่ที่กิโลกรัมละ 100 – 120 บาท

2.เพาะถั่วงอกในขวด

ใช้ต้นทุน 490 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ขวดน้ำพลาสติกเหลือใช้
  • ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม 35 บาท ( 14 กิโลกรัม = 490 บาท )

วิธีทำ

  1. ขั้นตอนแรกทำการแช่เมล็ดถั่วเขียวในน้ำอุ่น 1 คืน ( น้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นให้เมล็ดงอกได้เร็วขึ้น )
  2. จากนั้นนำขวดพลาสติกมาเจาะรูด้านข้างของขวด เพื่อทำไว้เป็นรูสำหรับระบายน้ำ
  3. นำถั่วเขียวที่แช่น้ำอุ่นเรียบร้อยแล้วมาใส่ในขวดพลาสติกที่เจาะรูแล้ว นำผ้าสะอาดห่อขวดไว้เพื่อรักษาความชื้นและป้องกันแสงส่องถึง(ถ้ามีแสงส่องถั่วงอกจะเป็นสีเขียวและจะมีใบงอกออกมา)
  4. ทำการรดน้ำถั่วงอก เช้า-เย็น ทุกๆวัน เมื่อเวลาผ่านไป 3 วัน ก็สามารถเก็บขายได้ ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม เมื่อนำมาทำการเพาะจะได้ถั่วงอกประมาณ 7 กิโลกรัม

ส่วนราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 10 บาท นั่นคือ ถั่วเขียว 1 กิโลกรัม จะได้กำไร 35 บาท

3.เพาะสาระแหน่ในตะกร้า

ใช้ต้นทุน 420 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • สาระแหน่จากตลาดประมาณ 2 กรัม 20 บาท
  • ถาดรอง 20 บาท
  • ตะกร้าพลาสติก 20 บาท
  • หินเพอร์ไลท์ + ถาดหลุม 160 บาท ( สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ )
  • ปุ๋ยน้ำ 200 บาท

วิธีทำ

  1. เริ่มจากทำการเลือกยอดอ่อนของสาระแหน่ ต้องเลือกยอดที่ดูแล้วสมบูรณ์ แข็งแรง ใบไม่หลุด ไม่มีรอยใบไหม้ จะทำให้ง่ายต่อการเพาะเพื่อให้ได้ผลผลิตดี
  2. ต่อมาทำการริดใบด้านล่างออกให้เหลือเพียงใบเลี้ยงไว้ที่ปลายยอด 2-3 ใบ
  3. นำยอดสาระแหน่ที่ตัดแต่งเตรียไว้มาปักลงในถาดหินเพอร์ไลท์ โดยขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังไม่เกิดความเสียหายแก่ยอด
  4. จากนั้นนำถาดหินเพอร์ไลท์ไปใส่ลงในตะกร้า แล้วนำถาดรองก้นตะกร้าอีกทีเพื่อรองน้ำ รักาาระดับน้ำให้อยู่ประมาณฐานตะกร้าตลอดเวลา ควรผสมปุ๋ยน้ำเสริมไประหว่างเพาะจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของสาระแหน่(อัตราการใส่ปุ๋ยสามารถดูได้ข้างขวด)
  5. เมื่อครบ 1 เดือน จะเริ่มแตกยอดออกใบ พร้อมให้เก็บเกี่ยวได้เลย และยังสามารถนำยอดอ่อนใหม่มาขยายเพาะซ้ำได้เรื่อยๆอีกด้วยค่ะ

4.เพาะเห็ดฟางในตะกร้า

ใช้ต้นทุน 150–300 บาท

สิ่งที่ต้องเตรียม

  • ตะกร้าทรงกลมสูง 5 ใบ ราคาใบละ 20 บาท=100 บาท
  • ก้อนเชื้อเห็ดฟาง50 บาท
  • ถุงดำ 50 บาท
  • ฟางข้าว+ขี้เลื่อย
  • ชั้นวางเก่าๆเหลือใช้

วิธีทำ

  1. เริ่มจากการนำฟางข้าวแช่น้ำไว้ 1 คืน จากนั้นนำมาผึ่งให้แห้ง
  2. นำใส่ฟางลงไปที่ก้นตะกร้า ตามด้วยขี้เลื่อย แล้วค่อยๆโรยเชื้อเห็ดฟางตามลงไป
  3. ทำซ้ำแบบข้อ 2 เป็นชั้นๆจนเต็มตะกร้า โดยเน้นโรยขี้เลื่อยและเชื้อเห็ดให้เยอะในชั้นบนสุด เพื่อให้ออกดอกเต็มที่
  4. ขั้นสุดท้ายให้ครอบด้วยถุงพลาสติกดำ เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 4-5 วัน จะเริ่มมีละอองน้ำเกาะในถุงพลาสติกอยู่แต่ถ้าไม่มีให้รดน้ำเพิ่มตามเข้าไป
  5. เมื่อเวลาผ่านไป 12 วัน เห็ดดอกเล็กๆจะเริ่มออกดอก แล้วนับต่อไปอีก 5 ค่อยทำการเก็บดอก จะได้เห็ดประมาณ 2 กิโลกรัมต่อ 1 ตะกร้าค่ะ

ข้อควรระวัง ช่วงวันที่ 4 ถึงวันที่ 9 ห้ามเปิดถุงเด็ดขาดเพราะจำให้เชื้อหยุดการเจริญเติบโต

อาชีพที่ลงลุนน้อยมีหลากหลายอาชีพให้ทุกท่านเลือทกทำตามความถนัดและความเหมาะสม อยู่ที่ว่าท่านใดจะกล้าลงมือและเริ่มทำมันค่ะ

ข้อมูลจาก : liekr.com

สร้างอาชีพกับ 4 อาชีพเกษตร ทุนเริ่มต้นน้อย Read More »