กางปฏิทิน เช็กวันเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนมกราคม 2563 ได้รับเงินช่วยเหลืออะไรบ้าง?

ยังคงเป็นโครงการที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ บัตรคนจน และเมื่อเริ่มปี 2563 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ อาจสงสัยว่า จะมีเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันที่เท่าไหร่ และ ใ น เ ดื อ น มกราคม 2563 จะได้ รั บ เงินค่าอะไรบ้าง

ล่าสุด (9 มกราคม 2563) ทางเพจ บัตรประชารัฐและเงินอุดหนุนบุตร ได้ให้ข้อมูลว่า

เริ่มแจกเงินตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563

-วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค คนละ 200-300 บาทต่อเดือน
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)
หมายเหตุ : ผู้มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อปี ได้ 300 บาท, ผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปีขึ้นไป ได้ 200 บาท

-วงเงินซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท/3 เดือน
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ทุกคนที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ไม่สามารถกดเป็นเงินสดได้)
ใช้สำหรับเป็นส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้มจากร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการที่ได้รับเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่องรูดบัตร EDC) โดยเงินจะเข้าบัตรทุก 3 เดือน แต่หากไม่ได้ใช้สิทธิ์ภายใน 3 เดือน จะถูกตัดยอดเงินไป

-ค่ารถโดยสารสาธารณะ

ค่าโดยสารรถเมล์ รถไฟฟ้า 500 บาทต่อเดือน (ใช้ชำระค่าโดยสารด้วยระบบ e-Ticket)
ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
หมายเหตุ : ถ้าเกิน 500 บาท ต้องออกเงินเพิ่มเติมเอง

ส่วน วันที่ 18 มกราคม 2563

-ค่าน้ำ 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้น้ำประปาไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อย (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-กันยายน 2563 ระยะเวลา 11 เดือน)

-ค่าไฟ 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน
ผู้มีสิทธิ์รับเงิน : ครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด และได้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เรียบร้อย (ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-กันยายน 2563 ระยะเวลา 11 เดือน)
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิ์ ยังสามารถลงทะเบียนใช้สิทธิ์เพิ่มเติมได้แล้ว

ผ่านช่องทางเว็บไซต์ MEA www.meagate1.mea.or.th
ผ่าน MEA Smart Life Application
Android : 
iOS : ดาวน์โหลด

แต่ต้องชำระยอดค่าไฟฟ้ากับการไฟฟ้านครหลวงก่อน จากนั้นกรมบัญชีกลางจึงจะโอนเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคืนในภายหลังตามจำนวนยอดชำระจริง

นอกจากนี้ ยังได้เงินคืนสูงสุด 500 บาท + ใจดีออมเงินให้
ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน : ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทุกคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 – 30 กันยายน 2563)
โดยการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% เข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้

  1. จำนวน 5% คืนเงินให้ผู้ถือบัตร ด้วยการโอนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) เงินส่วนนี้สามารถนำบัตรคนจนไปกดเป็นเงินสดออกมาใช้ หรือรูดซื้อของตามร้านธงฟ้าฯ และร้านค้าอื่นๆ ที่ร่วมโครงการได้
  2. จำนวน 2% จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก 1% เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม อีกส่วนคือ 1% เก็บเข้าบัญชีกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ของผู้ถือบัตร หรือหากไม่มีบัญชีกับ กอช. อาจจะเปิดบัญชีเพื่อสะสมไว้ให้

หมายเหตุ : เมื่อรวมกันทั้งสองส่วนแล้วต้องไม่เกิน 500 บาทต่อคนต่อเดือน และจะโอนให้ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

สรุปให้เห็นภาพง่ายๆ ดังต่อไปนี้

  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 100 บาท ได้คืน VAT 5% เงินจะเข้าบัตรคนจนเดือนถัดไป 5 บาท
  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 500 บาท ได้คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจนเดือนถัดไป 25 บาท
  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 1,000 บาท ได้คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจนเดือนถัดไป 50 บาท
  • ใช้จ่ายผ่านบัตรคนจน 10,000 บาท ได้คืน VAT 5% เข้าบัตรคนจนเดือนถัดไป 500 บาท
    หมายเหตุ : หากซื้อสินค้าที่ไม่ได้เสีย VAT เช่น ผักสด, เนื้อสด, กับข้าว และอื่นๆ จะไม่ได้รับเงินคืนจากนโยบายนี้

ด้าน นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดำเนินมาตั้งแต่ปี 2560 ขณะนี้มีผู้ถือบัตรกว่า 14 ล้านคน จึงเชื่อว่าผู้ได้รับบัตรสวัสดิการส่วนหนึ่งน่าจะมีศักยภาพในการดำรงชีวิตสูงขึ้น (พ้นจากเส้นความยากจน) จึงจำเป็นต้องมีการปรับข้อมูล ปรับปรุงรายชื่อผู้ได้รับสิทธิเสียใหม่ ขณะเดียวกันจะต้องพิจารณาเป็นรายครัวเรือน เพราะบางคนที่ได้รับสิทธิอาจมีรายได้ไม่มาก แต่อาศัยอยู่ในครอบครัวที่มีรายได้ดี ก็ไม่ควรได้รับสิทธิ และรัฐบาลกำลังจะเปิดให้มีการลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีกครั้ง

โดยในเดือน ม.ค.2563 กระทรวงการคลัง จะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ ซึ่งข้อเสนอเบื้องต้นจะนำรายได้ครอบครัวมาใช้เป็นเกณฑ์ประเมินร่วมกับรายได้ส่วนบุคคลที่กำหนดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี

ส่วนข้อมูลบัตรเครดิตและรถยนต์ ยังไม่นำมาพิจารณา อย่างไรก็ตาม หากนำรายได้ครอบครัวมาประเมิน ทำให้ผู้ได้รับบัตรสวัสดิการหายไปส่วนหนึ่ง ขณะเดียวกันพร้อมเปิดให้คนใหม่เข้ามาลงทะเบียนเพิ่มเติมด้วย

นายอุตตม กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากเดิมการลงทะเบียนบัตรคนจนเข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันที่ 24 ธ.ค.62 แต่ไม่ทัน เพราะต้องปรับแก้ในบางประเด็น เช่น เรื่องการคิดรายได้ครัวเรือนยังไม่ตรงกัน จึงไม่อยากให้เกณฑ์ดังกล่าวไปดึงคนให้เข้ามารับบัตรมากขึ้น เพราะจุดประสงค์คือ คนที่ได้บัตรต้องจนจริงๆ และอยู่ในครอบครัวไม่มีฐานะร่ำรวย หากมีรายได้ ของครอบครัวปีละ 1 ล้านบาท ก็ไม่ควรได้รับบัตรทั้งครอบครัว

ข้อมูลจาก อีจัน , money.kapook.com