9 สิงหาคม 2019

อัยการยัน “ยิ่งลักษณ์” ได้สัญชาติเซอร์เบีย ไม่กระทบขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

อัยการยัน “ยิ่งลักษณ์” ได้สัญชาติเซอร์เบียไม่มีผลกระทบหากจะขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แม้ไทยไม่มีสนธิสัญญาระหว่างกันก็ตาม

วันที่ 9 สิงหาคม 2562 – นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้สัญชาติเป็นพลเมืองประเทศเซอร์เบีย ก็จะไม่มีผลต่อการดำเนินการเพื่อขอส่งตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดีในไทย

เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้จำคุก 5 ปีไม่รอลงอาญา ในคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบก่อให้เกิดความเสียหายจากการดำเนินโครงการจำนำข้าวข้าว กระทั่งเอื้อให้เกิดการทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี)

อย่างไรก็ตาม ในส่วนการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนนั้น ต้องทราบก่อนว่าผู้นั้นหลบหนีไปพำนักที่ใด ซึ่งต้องหารายละเอียดของสถานที่พักช่วงใดช่วงหนึ่งให้ชัดเจน แม้ว่าประเทศนั้นจะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ก็สามารถดำเนินการตามคำขอได้ โดยให้คำมั่นต่างตอบแทนระหว่างกัน เช่น หากต่อมาประเทศผู้รับคำร้องขอมีคำร้องขอให้ไทยส่งผู้ร้ายให้ เราก็ยินดีส่งตัว

“สำหรับเซอร์เบียกับไทยนั้น เราไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน แต่หากมีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับที่อยู่ ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้” นายชัชชม กล่าว

อัยการยัน “ยิ่งลักษณ์” ได้สัญชาติเซอร์เบีย ไม่กระทบขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน Read More »

คอหวยไม่วางตา ชายหญิงทำพิธีแก้บนคำชะโนด รำอยู่ดีๆ ทรุดตัวเขียนเลขทั้ง 3 คน

(7 ส.ค.62) เวลา 11.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากลานบวงสรวงหน้าเกาะคำชะโนด วังนาคินทร์ บ้านโนนเมือง ต.บ้านม่วง อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ว่าวันนี้ที่บริเวณลานบวงสรวงเกาะคำชะโนดมีนักท่องเที่ยวเดินทางจากทุกพื้นที่ ซึ่งตามปกติวันธรรมดาและอยู่ในช่วงต้นเดือนจะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเดินทางมากนัก แต่วันนี้คนที่เคยมาขอโชคลาภไว้กับพ่อปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมากันหนาตาเกินคาด

โดยลานบวงสรวงมีพ่อจำชวกร เป็นผู้นำทำพิธีเพียงคนเดียวท่ามกลางแสงแดดจ้า มีโต๊ะพิเศษมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาจากจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อนำเครื่องไหว้มาแก้บนที่เคยมาขอโชคลาภ ครั้งก่อนโชคดีถูกหวย 58 ทุกคน ที่มาครั้งนี้มาเพื่อแก้บนและขอเลขเด็ดต่อ พ่อจ้ำได้พานำทำพิธีแก้บนกับปู่ย่านานเกือบชั่วโมง

https://s.isanook.com/ns/0/rp/r/w670/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL25zLzAvdWQvMTU3MS83ODU4NDc0LzE1NjUxNTc0MzAxNDEuanBn.jpg

หลังจากนั้นเป็นการรำถวายแก้บนของนางรำและคนที่มาด้วย มาร่วมรำถวายปู่ศรีสุทโธและแม่ย่าศรีปทุมมาครั้งนี้ มีนางรำเป็นหญิง 2 คน ชาย 1 คน ในขณะที่กำลังรำถวายปู่อยู่นั้นอยู่ในอาการใกล้จะเป็นลมและทรุดตัวลงหน้าโต๊ะเครื่องไหว้ ท่ามกลางคนชอบตัวเลขมามุงดูการเขียนเลขเด็ดลงบนกระดาษ เพื้อให้คนชอบตัวเลขได้ดูกัน โดยคนแรกเขียนตัวเลข 732 คนที่สองเขียนเป็นเลข 263 ส่วนอีกคนเขียน 43,42 

ข้อมูลจาก sanook

คอหวยไม่วางตา ชายหญิงทำพิธีแก้บนคำชะโนด รำอยู่ดีๆ ทรุดตัวเขียนเลขทั้ง 3 คน Read More »

จุดจบหนุ่มเจ้าชู้ แอบย่องหากิ๊ก แต่เมียตามมา หนีตาตื่นร่วงตกหลังคาสาหัส

(9 ส.ค.) เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พานทอง จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุคนพลัดตกจากที่สูง ได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมกู้ภัยสว่างอุทยานพานทอง ที่เกิดเหตุเป็นหอพักแห่งหนึ่ง อยู่ด้านหลังตลาดวัดศรีประชาราม หมู่ 4 ตำบลบ้านเก่า อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี

เจ้าหน้าที่พบ นายณัฐวุติ อายุ 21 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บ พลัดตกลงมาจากหลังคา ก่อนที่ร่างจะกระแทกพื้นอย่างแรง ทำให้ใบหน้ามีแผลฉกรรจ์ เลือดไหลออกจำนวนมาก ขณะที่ขาซ้ายและแขนซ้ายหัก รวมทั้งนิ้วมือขวาหักด้วย เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยปฐมพยาบาลและนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลพานทอง

จากการสอบถาม นางสาวบี (นามสมมติ) แฟนสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า นายณัฐวุฒิมีคบหาผู้หญิงหลายคน แต่ก็ยังมาคบตนเป็นกิ๊กอีก โดยก่อนเกิดเหตุนั้น นายณัฐวุฒิ ได้แอบมาหาตนที่ห้อง และในจังหวะนั้นปรากฏว่าภรรยาอีกคนของนายณัฐวุฒิได้ติดตามมาที่หอพักของตน ด้วยความตกใจจึงทำให้ นายณัฐวุฒิ แอบย่องปีนหนีออกไปทางระเบียงทางด้านหลังหอพัก จุดดังกล่าวเป็นหลังคากันสาด แต่ในขณะที่ได้หลบหาทางหนีทีไล่อยู่นั้น เจ้าตัวเกิดเหยียบพลาดท่า ทำให้หลังคากันสาดยุบตัวและทะลุ ก่อนร่างจะตกร่วงตกมากระแทกพื้นแบบไม่ตั้งตัว ทำให้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ข้อมูลจาก sanook

จุดจบหนุ่มเจ้าชู้ แอบย่องหากิ๊ก แต่เมียตามมา หนีตาตื่นร่วงตกหลังคาสาหัส Read More »

อาชีพการเลี้ยงสัตว์ที่นิยมเลี้ยงในหมู่บ้านต่างๆ ก็คือ การเลี้ยงสุกร หรือ การเลี้ยงหมู

อาชีพการเลี้ยงสัตว์ที่นิยมเลี้ยงในหมู่บ้านต่างๆ ก็คือ การเลี้ยงสุกร หรือ การเลี้ยงหมู ทั้งนี้เพราะสามารถเลี้ยงเป็นฟาร์มเล็กๆจำนวนไม่กี่ตัวก็ได้ เพราะใช้พื้นที่น้อยเลี้ยงง่ายใช้แรงงานน้อย และสามารถนำเศษอาหารมาใช้เป็นอาหารของสุกรได้ นอกจากนี้มูลสุกรยังสามารถนำมาเป็นปุ๋ยหรืออาหารในบ่อเลี้ยงปลาได้ สุกรเป็นสัตว์เลี้ยงที่ขยายพันธุ์ได้เร็วมีลูกดก จึงเป็นกิจการที่ให้ผลกำไรดี ทำให้เป็นที่นิยมเลี้ยงกันมาก

– เนื้อสุกรนั้นเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นส่วนมาก และ สามารถขายหรือจำหน่ายได้หลายๆตลาดทั้งในท้องถิ่นและตลาดที่รับซื้อทั่วไปในเมือง
โดยผู้คนหรือเกษตรกร สามารถเลี้ยงสุกรได้ทั้งแบบเป็นฟาร์มขนาดเล็ก,ฟาร์มขนาดใหญ่ เนื่องด้วยการเลี้ยงสุกรนั้นใช้พื้นที่ไม่มากแถมยังมีการเลี้ยงที่ง่ายและไม่สับซ้อนจนเกินไป
ในวันนี้ฟาร์มไทยจะมาแนะนำการเลี้ยงสุกรขุน เพราะการเลี้ยงสุกรขุนจะใช้เงินลงทุนน้อยกว่าการเลี้ยงสุกร หรือการเลี้ยงหมู ในแบบอื่นๆ
และแถมการเลี้ยงสุกรขุนนั้นยังให้ผลตอบแทนที่ดีอีกด้วย
– แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เลี้ยงหรือเกษตรกรก็ต้องมีเงินลงทุนไว้สำหรับใช้จ่ายในส่วนของค่าอาหารเพื่อให้สุกรมีอาหารได้กินอย่างเพียงพอด้วยเช่นกัน
– ส่วนเรื่องสถานที่การเลี้ยงนั้น เกษตรกรควรจะสร้างโรงเรือนให้อยู่ห่างจากชุมชนสักหน่อยถ้าเป็นไปได้
เพราะการเลี้ยงสุกรอาจจะทำให้มีกลิ่นที่แรงและอาจจะไม่เป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมของชุมชนในย่านนั้น หรือไม่เกษตรกรก็ต้องมีการจัดการกับระบบมูลสุกรหรือของเสียที่อาจจะส่งกลิ่นออกมาให้ดี แหละถ้าให้ดีควรอยู่ใกล้แหล่งวัตถุดิบอาหารที่สามารถหาซื้อได้โดยไม่แพงมากจนเกินไป หรือ อาจจะใกล้แหล่งที่สามารถหาอาหารเหลือใช้จากครัวเรือน หรือระบบไร่นาเพื่อใช้เป็นอาหารเลี้ยงสุกรได้อย่างเพืยงพอ
–  การตลาดเกษตรกรก็ควรศึกษาหาแหล่งตลาดที่รับซื้อสุกร ขายสุกร ทั้งที่สุกรยังมีชีวิต และตลาดที่รับสุกรชำแหละแล้วไว้ด้วย
โดยพันธุ์สุกรที่เกษตรกรหรือผู้คนทั่วไปที่เลี้ยงสุกร จะนิยมนำมาขุน ส่วมมากจะนิยมใช้ผสม 2, 3, หรือ 4 สายพันธุ์
ซึ่งจะมีลักษณะการให้ผลผลิต การเติบโต และ ความแข็งแรง ที่ดีกว่าการได้จากพ่อและแม่พันธุ์ที่ให้กำเนิดพันธุ์เดียวกัน
พันธุ์ที่ส่วนมากใช้ในการผสมข้ามสายพันธุ์มีหลายพันธุ์ อย่าเช่น พันธุ์ลาร์จไวน์ พันธุ์แลนด์เรช และพันธุ์ดูร็อคเจอร์ซี่ เป็นตัน
– ฟาร์มหรือโรงเรือนที่ใช้เลี้ยงสุกร ควรตั้งอยู่ในที่น้ำไม่ท่วม สามารถระบายน้ำได้ดี ห่างไกลจากชุมชน หรือ ตลาด ต่างๆ
โรงเรือนที่ใช้เลี้ยงสุกรต้องสามารถป้องกันแดด กันฝน และ กันลม ยิ่งถ้าช่วงในฤดูร้อนควรจะต้องดูแลเป็นพิเศษ
– พื้นในคอกของสถานที่เลี้ยงควรเป็นพื้นคอนกรีต เพื่อความสะดวกในการทำความสะอาด
โดยขนาดของคอกควรมีประมาณ 4 x 35 เมตร จึงจะสามารถเลี้ยงสุกรขุน ที่มีขนาด 60 – 100 กิโลกรัม ประมาณ 8 – 10 ตัว
ส่วนความยาวของคอกนั้นให้ขึ้นอยู่กับว่า จำนวนสุกรที่เกษตรกรเลี้ยงมีตำนวนมากเท่่าไหร่
– การให้อาหารสุกร
โดยสุกรนั้นเป็นสัตว์กระเพาะเดียว ไม่สามารถย่อยอาหารที่มีเยื่อมากๆได้ดีเหมือนสัตว์กระเพาะรวมชนิดอื่นๆ
ดังนั้นอาหารที่ใช้เลี้ยงสุกร จึงควรจะต้องมีโภชนาการที่ครบถ้วน อาหารสำหรับสุกรขุนส่วนใหญ่จะนิยมใช้อาหารแบบสำเร็จรูป หรือ ผู้เพาะเลี้ยง เกษตรกรบางรายอาจผสมอาหารเพื่อใช้เลี้ยงสุกรเอง ซึ่งจะช่วยให้ลดต้นทุนการผลิต โดยใช้หัวอาหารผสมรวมกับรำ, ปลายข้าว หรือวัสดุอื่น ๆ
ตามสัดส่วนที่เกษตรกรเป็นคนกำหนด และการให้อาหารสุกรแต่ละช่วงนั้นจะต้องมีความสอดคล้องกับความต้องการบริโภคของสุกร
ในแต่ละช่วงอายุของตัวสุกร
– โดยการจัดการเลี้ยงดูแลสุกร
เกษตรกรควรเริ่มเลี้ยงสุกรขุน ตั้งแต่ระยะที่สุกรนั้นหย่านม โดยมีน้ำหนักที่ประมาณ 20 กิโลกรัม โดยใช้อาหารที่มีโปรตีนประมาณ 18 เปอร์เซ็นต์ และให้สุกรกินเต็มที่ประมาณวันละ 1 – 2 กิโลกรัม จากนั้นเมื่อสุกรขุนมีน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม ก็จะเปลี่ยนอาหารโดยใช้อาหารที่มีโปรตีน 16 เปอร์เซ็นต์แทน และให้สุกรกินอาหารวันละ 2.5 – 3.5 กิโลกรัม จนถึงระยะที่จะส่งตลาดเมื่อสุกรมีน้ำหนัก ประมาณ 100 กิโลกรัม โดยตลอดระยะเวลาการเลี้ยงสุกรนั้น จะต้องมีน้ำสะอาดให้สุกรกินตลอดทั้งวัน
– ด้านความสะอาดของสถานที่เลี้ยงหรือคอก
เกษตรกรควรทำความสะอาดพื้นคอกสุกรอยู่เป็นประจำ เพื่อลดการหมักหมมของเชื้อโรคต่างๆ ที่อาจจะนำโรคมาสู้ตัวสุกรได้ และอีกทั้งยังป้องกันกลิ่นจากมูลสุกรไปรบกวนชุมชนสถานที่ใกล้เคียงอีกด้วยอีกด้วย และสุกรทุกตัวต้องมีการถ่ายพยาธิ และ จัดฉีดวัคซีนตามกำหนด ที่เราได้ตั้งไว้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สุกรมีสุขภาพที่ดี
** ทั้งนี้ ก่อนผู้ที่สนใจหรือเกษตรกรคนไหน มีการตัดสินใจที่จะเลี้ยงสุกร หรือเลี้ยงหมู จึงจำเป็นที่ควรจะต้องศึกษาข้อมูล รายละเอียด และมีการวางแผนในระบบต่างๆ ก่อนที่จะเลี้ยงให้แน่ชัด เพื่อที่เมื่อเกษตรทำการเลี้ยงสุกรไปแล้วนั้นจะได้ มีผลผลิตและกำไรอย่างที่ตั้งใจไว้

อ้างอิงจาก สภาเกษตรกรแห่งชาติ

อาชีพการเลี้ยงสัตว์ที่นิยมเลี้ยงในหมู่บ้านต่างๆ ก็คือ การเลี้ยงสุกร หรือ การเลี้ยงหมู Read More »

กสทช.แนะวิธี ยกเลิกและเรียกเงินคืน จาก SMS ที่เราไม่ได้สมัคร ใช้ได้ทุกเครือข่าย

หลายท่านคงจะเคยประสบปัญหากวนใจอย่างเช่นข้อความในมือถือ ที่มักจะมีเข้ามาบ่อยๆแถมยังมีการหักค่าใช้จ่ายจากเราอีกด้วย หลายท่านอาจจะไม่ได้สนใจอะไรแต่รู้ตัวอีกทีก็เสียเงินให้กับข้อความเหล่านี้ไปเยอะซะแล้ว ซึ่งส่วนมากต่างก็ไม่ได้มีความต้องการใช้บริการเลย แต่ก็ต้องมาเสียเงินไปแบบฟรีๆ บางรายถูกหักจากบิลค่าใช้จ่ายรายเดือนจนเกิดเป็นเรื่องขึ้นมา ทำให้หลายร้อยคนไปร้องเรียนกับ คณะกรรมการกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) จนต้องเรียกทางผู้ประกอบการมารับทราบความเดือดร้อน ของประชาชนที่ถูกหักเงินจากข้อความ

กสทช. ได้มีการแนะนำว่า ถ้ามี SMS ที่ไม่ต้อง โผล่เข้ามาในโทรศัพท์มือถือ ถ้าไม่ต้องการ ผู้บริโภคมีสิทธิ์แจ้งยกเลิก คือ กด *137 แล้วโทรออกฟรี เพื่อทำการยกเลิกบริการดังกล่าว สามารถทำได้ทุกเครือข่ายเบอร์เดียวกัน แนะนำกดยกเลิกแล้วร้องเรียน 1200 สายด่วน กสทช. ขอให้ค่ายมือถือคืนเงิน ในส่วน SMS ที่เด้งเข้ามา สิทธิ์ของท่าน เงินของท่าน ต้องได้คืน แต่ขอให้กด *137 เพื่อยืนยันว่า ไม่ต้องการจริงๆ

สำหรับผู้สูงวัย ไม่ถนัดยกเลิกแบบนี้ แนะนำขอให้ลูกหลานรบกวนช่วยสอดส่องและช่วยกดยกเลิกแทนด้วย ที่สำคัญ โปรดสังเกตบ่อยๆ เนื่องจากแม้จะกดยกเลิกแล้ว แต่วันดีคืนดี SMS เหล่านี้ มันชอบตามมาหลอกหลอกเด้งเข้าเครื่องอีกได้ ก็ให้กดยกเลิกซ้ำ ค่ายมือถือ โทรถามโทรแจ้งชอบอ้างว่า บล็อกไม่ได้ทั้งหมด และอ้างว่า ผู้บริโภค สมัครใจรับเอง ทั้งที่หลายคนยืนยันเสียงแข็งว่า ไม่ได้สมัคร ไม่เคยสมัคร ไม่รู้มาได้อย่างไร แต่คราวนี้ ต่อให้ค่ายมือถือยืนยันเสียงเข้มแข็งแค่ไหน ขอให้รู้ว่า ผู้บริโภคไม่ได้สมัครใจอยากได้แน่นอน

เลขาธิการ กสทช. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ กล่าวว่า จากการชี้แจงของผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย กรณีผู้บริโภคถูก SMS ดูดเงินผู้ใช้บริการ ซึ่งประชาชนต้องเสียเงินโดยไม่ได้สมัครใจ สำรวจพบว่า ปี 2560 มีร้องเรียนถูก SMS คิดเงินโดยไม่ได้สมัครจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3 ค่ายใหญ่ มายัง กสทช. 772 เรื่อง คิดเป็นเงินประมาณ 176,911 บาท ขณะที่ปีนี้มีประชาชนร้องเรียนเข้ามาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 เมษายน โดยไม่ได้สมัครใจ 292 เรื่อง เมื่อคิดเป็นเงินประมาณ 58,217 บาท ซึ่ง กสทช.ได้ดำเนินการยุติเรื่องดังกล่าวแล้วทั้งหมดด้วยการให้ค่ายมือถือไปติดตั้งอุปกรณ์พร้อมรองรับการส่ง SMS ยกเลิก SMS ที่คิดเงินโดยไม่ได้สมัครใจผ่านทาง *137# แล้วกดโทรออก เป็นระบบอัตโนมัติให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 สัปดาห์ จากนั้นส่ง SMS ตอบกลับผู้ใช้บริการ แล้วดำเนินการตามขั้นตอนคืนเงินให้กับผู้ใช้บริการที่ร้องเรียนเข้ามาเพื่อรักษาฐานลูกค้า

เนื้อหาโดย: post jung

กสทช.แนะวิธี ยกเลิกและเรียกเงินคืน จาก SMS ที่เราไม่ได้สมัคร ใช้ได้ทุกเครือข่าย Read More »

5รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย เปิดอนาคตยานยนต์รักษ์โลก

ส่อง‘5รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย เปิดอนาคตยานยนต์รักษ์โลก – ปี 2562 นี้ ถือว่าเป็นปีแห่งการเปิดศักราชตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยอย่างแท้จริง แม้ในช่วงก่อนหน้านี้จะมีหลายค่ายนำรถยนต์ไฟฟ้ามานำเสนอให้กับนักเลงรถหัวใจสีเขียว แต่ดูเหมือนไม่ได้รับการตอบรับสักเท่าได ด้วยเพราะราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร

จวบจนกระทั่งค่ายรถยนต์สายเลือดอังกฤษ MG ได้เปิดตัว ‘MG ZS EV’ รถยนต์ครอสโอเวอร์ไฟฟ้าในราคาสุดเร้าใจ ช่วยสร้างกระแสรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นมาพอสมควร

ส่อง‘5 รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย

เราไปตามดูกันว่ารถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยเพลานี้มี รุ่นไหน ค่ายอะไรกันบ้าง

เริ่มกันที่รุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการ

เกีย โซล’ ที่นำรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดกะทัดรัด มาใส่หัวใจไฟฟ้า พร้อมปรับแต่งหน้าตา สีสันให้เข้ากันกับการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% เปิดตัวในบ้านเราตั้งแต่ปี 2560

รูปร่างหน้าตาถือว่าน่ารักน่าชังทีเดียว การันตีได้จากรางวัลด้านการออกแบบจากหลากหลายสถาบัน หนึ่ง ในนั้นมาจาก ‘Red dot design’ อันลือชื่อว่าใครที่ได้รางวัลนี้ถือว่าเป็นดีไซน์ที่ไม่ธรรมดา

ออกแบบเป็นสีทูโทนตัวรถสีขาว พร้อมแต่งแต้มสีฟ้าไว้รอบคัน ทั้งหลังคา กรอบกระจกมองข้าง ในชุดไฟหน้า ใต้สเกิร์ตหน้า-หลัง รวมถึงรอบกระจังหน้าแบบปิดทึบ แต่สามารถเลื่อนเปิดออกเพื่อชาร์จไฟ ชุดไฟท้ายแนวตั้งโดดเด่นมองเห็นมาแต่ไกล

ภายในยังคงอารมณ์คล้าย‘เกีย โซล’รุ่นเครื่องยนต์ปกติ โดยเฉพาะ คันเกียร์ที่เหมือนกันกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป

หน้าจอเครื่องเสียงควบคุมการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งแสดงสถานะของตัวรถ เบาะนั่งหลังสามารถพับลงเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ

ขุมพลังแบตเตอรี่แบบลิเทียม-ไอออน โพลีเมอร์ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า แรงบิด 285 นิวตันเมตร ทำความเร็วได้สูงสุด 145 ก.ม./ช.ม. มาพร้อมชุดชาร์จไฟกระแสสลับชาร์จเต็ม 100% วิ่งได้ระยะทาง 250 ก.ม.

ค่าตัวคันนี้ค่อนข้างแรงคันละ 2.297 ล้านบาท

ฮุนได’ อีกค่ายจากแดนกิมจิ ส่งมาให้เลือก 2 รุ่น

ฮุนได ไอออนิค’ เก๋งไฟฟ้า กระจังหน้าแบบทึบ กันชนหน้าขนาดใหญ่พร้อมไฟขับขี่เวลากลางวันแนวตั้ง แม้จะเป็น รถซีดาน แต่ด้านท้ายดีไซน์คล้ายรถแฮตช์แบ็กแบบ 5 ประตู เดิน เส้นสายสีทองแดงรอบคัน เพื่อบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100%

ส่อง‘5 รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย

ภายในออกแบบเรียบง่ายเน้นฟังก์ชั่นการใช้งาน พวงมาลัยแบบ D-Cut ให้อารมณ์สปอร์ต และเพิ่มพื้นที่บริเวณต้นขาให้กับผู้ขับขี่ด้วย สีทองแดง และส้มถูกนำมาตกแต่งภายใน เน้นย้ำการเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

หน้าปัดแบบดิจิตอล หน้าจอขนาด 7 นิ้ว แสดงข้อมูลการเดินทาง โหมดการขับขี่ และการใช้พลังงานอย่างชัดเจน

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ที่ทำงานร่วมกับแบตเตอรี่แบบลิเทียม-ไอออน โพลีเมอร์ ความจุ 28 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ความเร็วสูงสุด 165 ก.ม./ช.ม. อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. โหมดสปอร์ต 9.9 วินาที โหมดปกติ 10.2 วินาที ระยะทางวิ่งได้สูงสุด 280 ก.ม.

ราคาค่าตัว 1.749 ล้านบาท

อีกรุ่นของค่ายนี้ ฮุนได โคนา’ ครอสโอเวอร์ ไฟฟ้า 100% ออกแบบเส้นสายภายนอกที่พลิ้วไหว โฉบเฉี่ยวสะกดทุกสายตา มีสไตล์ด้วยไฟหน้าและไฟท้ายดีไซน์สปอร์ตแบบแยกตำแหน่ง กระจังหน้าแบบทึบที่ช่วยเรื่องอากาศพลศาสตร์ และบ่งบอกเอกลักษณ์การเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

ส่อง‘5 รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย

ภายในตกแต่งหรูหราทันสมัย ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวก พร้อมเครื่องเสียงและหน้าจอสัมผัสแบบ Floating Touch Screen รองรับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เกียร์แบบปุ่มกด (Shift- by-wire) ทำได้อย่างง่ายดาย รวมถึงมีเบรกมือไฟฟ้าที่อยู่บริเวณเดียวกันด้วย

แบตเตอรี่ Lithium-Ion Polymer ความจุ 39.2 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทำงานร่วมกับ มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 395 นิวตัน-เมตร ความเร็วสูงสุด 155 ก.ม./ช.ม. อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. 9.7 วินาที ระยะทางวิ่งสูงสุด 345 ก.ม.

ราคา 1,849,000 บาท

รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก นิสสัน ลีฟ’ เปิดตัวกันไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าหลายรายแล้ว ดีไซน์ภายนอกโฉบเฉี่ยวสไตล์สปอร์ต แทบไม่รู้สึกถึงความเป็นรถยนต์ไฟฟ้า

มาพร้อมความเป็นเอกลักษณ์ด้วยกระจังหน้า V-Motion ไฟหน้าและไฟท้ายรูปทรง บูมเมอแรง

ห้องโดยสารออกแบบด้วยโทนสีดำ ตกแต่งด้วยเส้นด้ายสีฟ้าเติมอารมณ์สปอร์ต พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะนั่งด้านหลังพับเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้เพิ่มขึ้นด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่เดินเงียบ ผนวกกับฉนวนที่ติดตั้งเพื่อดูดซับเสียงทุกจุดรอบคัน ทำให้ห้องโดยสารเงียบสนิท

ส่อง‘5 รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย

เทคโนโลยีความปลอดภัยที่มีมาให้รอบคันตามมาตรฐานรถยนต์ชั้นดี แต่ที่ภูมิใจสุดๆ เห็นจะเป็นระบบ‘e-Pedal’ ขับเคลื่อนและชะลอความเร็วด้วยแป้นคันเร่งอันเดียว เมื่อถอน คันเร่งความเร็วของตัวรถจะชะลอลงอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงเกือบหยุดสนิทไม่ต่างจากการเหยียบแป้นเบรก

ช่วยให้การขับขี่สะดวกยิ่งขึ้นไม่ต้องละเท้าไปมา เดินทางต่อเหยียบลงไป ต้องการหยุด ก็แค่ถอนเท้าออกมา แต่ทั้งนี้ยังมีแป้นเบรกไว้ให้ใช้งานเหมือนรถยนต์ทั่วไปด้วย

แบตเตอรี่ขนาด 40 KWh ให้กำลังสูง สุด 150 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ชาร์จไฟเต็ม 100% สามารถวิ่งได้ระยะทาง 311 ก.ม. ขับสนุกยิ่งขึ้นราวกับรถสปอร์ต ด้วยจุดศูนย์ถ่วงต่ำ มั่นใจได้ทั้งในช่วงทำความเร็ว หรือเข้าโค้ง

ราคา 1,990,000 บาท

ปิดท้ายที่ ‘MG ZS EV’ น้องใหม่สุด ดีไซน์ภายนอกมองผาดๆ เหมือนกับ MG ZS กันแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว

จะมีก็กระจังหน้าใหม่ ที่เป็นจุดไว้สำหรับชาร์จไฟด้วย เมื่อกดลงเบาๆ จะยกตัวขึ้นให้เห็นเต้าเสียบไฟฟ้า กับสีใหม่ Copenhagen Blue ให้รู้ว่าเป็นรถรักษ์โลก

ภายในติดตั้งจอสีระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว ทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART รองรับการสั่งการด้วยเสียง ภาษาไทย เช็กระดับพลังงานคงเหลือของ แบตเตอรี่การเช็กสถานะและแสดงระยะเวลาของการชาร์จแบตเตอรี่แบบเรียลไทม์

ส่อง‘5 รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย

สามารถค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าใกล้เคียง หรือสถานีชาร์จที่โชว์รูมทั่วประเทศ รวมทั้งการสั่งการ MG Home Charger สำหรับการชาร์จไฟที่บ้านได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ตโฟน

มอเตอร์ไฟฟ้า แบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ทำงานคู่กับแบตเตอรี่แบบลิเทียม-ไออน (Lithium-ion) ความจุ 44.5 kWh ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 ก.ม./ช.ม. ในเวลา 8.2 วินาที ชาร์จเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทางสูงสุด 337 ก.ม.

ราคาถูกสุดในเซ็กเมนต์เวลานี้อยู่ที่ 1.19 ล้านบาท

ทั้ง 5 รุ่นเป็นเพียงแค่ที่เอาเข้ามาชิมลางตลาด แต่จากนี้ไปเชื่อได้เลยว่าจะมีอีกหลายค่ายเร่งมือนำเข้ามาจำหน่าย หรือแม้แต่ผลิตในบ้านเราเพื่อไม่ให้ตกเทรนด์ตลาดอย่างแน่นอน

ประกอบกับภาครัฐและเอกชนลงทุนทำสถานีชาร์จกระจายอยู่จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพื่อความสะดวกของผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า โดยตามแผนน่าจะมีกว่า 1 พันแห่งภายใน 2 ปีนี้

ใครที่สนใจรถยนต์ไฟฟ้าลองหาโอกาสแวะเวียนไปทดลองขับกันดู ว่าบุคลิกรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่เหมือนกับรถยนต์เครื่องยนต์ปกตินั้นเป็นอย่างไร พร้อมทั้งถามตัวเองก่อนว่ามีความพร้อม หรือมีลักษณะการใช้รถอย่างไร เพราะตอนนี้มีสถานีชาร์จไฟไม่มากนัก

อย่างไรก็ตามหากเน้นขับในเมืองหรือไปต่างจังหวัดไม่ไกลนัก รถยนต์ไฟฟ้าถือว่าน่าสนใจเพราะแต่ละรุ่นสามารถขับได้เกิน 200 ก.ม.ขึ้นไปต่อการชาร์จ 1 ครั้งทั้งสิ้น และการชาร์จไม่ได้ลำบากเนื่องจากมีสายชาร์จพร้อม อะแดปเตอร์ เสียบกับปลั๊กทั่วไปได้เลย เพียงแต่ต้องใช้เวลาชาร์จนานกว่าที่ชาร์จแบบ ‘วอลบ็อกซ์’ หรือตามสถานีบริการ

การเข้ามาเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ของหลายค่าย และมีอีกหลายค่ายที่จะตามมา ทำให้อนาคตรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทยสดใสอยู่พอสมควร

ข้อมูลจาก ข่าวสด

5รถยนต์ไฟฟ้า’เมืองไทย เปิดอนาคตยานยนต์รักษ์โลก Read More »

5 เทคโนโลยี พลิกโลกปี 2019

5 เทคโนโลยี พลิกโลกปี 2019 – บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายมองตรงกันว่า ปี 2019 จะเป็นศักราชแห่งชีวิตยุคดิจิตอลที่จะก้าวไปอีกขั้น

เทคโนโลยีเหล่านี้จะรุดหน้าและได้รับการเติมเต็มขีดความสามารถจนถึงขั้นที่ทำให้มนุษย์นั้นได้รับความสะดวกสบายมากถึงขั้นที่อาจน่าเป็นห่วง

การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่ฉับไว และความเป็นส่วนตัวที่น้อยลง รวมไปถึงอันตรายจากโลกไซเบอร์ที่บรรดาผู้ใช้ทุกคนจำเป็นต้องตระหนักและรู้เท่าทัน

เว็บไซต์ อินฟอร์เมชั่น–เมเนจเมนต์ ของสหรัฐอเมริกา และเว็บไซต์การ์ตเนอร์ รวบรวม 5 เทคโนโลยีพลิกโลกที่น่า จับตามองที่สุดมาให้ผู้อ่านได้ทราบกัน ดังนี้

1.อินเตอร์เน็ตในทุกสิ่ง IOT

อินเตอร์เน็ตจะเป็นเครือข่ายข้อมูลกลางที่แทรกซึมไปในทุกสรรพสิ่งที่ มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงแต่สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ แต่จะรวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ในบ้าน อาทิ ตู้เย็นไมโครเวฟ โทรทัศน์ ยวดยานพาหนะ หรือแม้แต่ไฟส่องสว่างในบ้าน

เทคโนโลยีเหล่านี้จะได้รับการพัฒนาขีดความสามารถและแพร่หลายมากขึ้นตามครัวเรือนทั่วไป นำไปสู่การแบ่งปันข้อมูลกันระหว่างสิ่งของอัจฉริยะเหล่านี้ ทำให้ชีวิตของมนุษย์นั้น รายล้อมไปด้วยข้อมูลที่จะถูกตรวจจับและจัดเก็บมากขึ้น อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คาดว่า ไอโอทีจะส่งผลให้มีสิ่งของอัจฉริยะเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตทะลุ 75,000 ล้านชิ้น ภายในเวลาไม่เกิน 3 ปี

2.บล็อกเชน

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีจะนำมาซึ่งความเสี่ยงทางโลกไซเบอร์แบบใหม่ ทำให้ระบบการจัดเก็บข้อมูลและการรักษาความปลอดภัยต้องยกระดับไปด้วย หนึ่งในนั้นเป็นเทคโนโลยีบล็อกเชน ที่มีการกระจายสำเนาข้อมูลไปยังผู้ใช้ ทุกคนแบบเรียลไทม์ ทำให้นักเจาะระบบเจาะข้อมูลได้ยากขึ้น โดยเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้แล้วในระบบธุรกรรมบางส่วน และสกุลเงินออนไลน์ชื่อดังต่างๆ

ในปีนี้ บล็อกเชนจะมีธนาคารและองค์กรต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้อย่างแพร่หลายกว่าปีที่ถัดมา

3.ปัญญาประดิษฐ์ AI

ระบบปัญญาประดิษฐ์ หรือเอไอ ที่บรรดายักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมไอทีต่างแข่งขันกันพัฒนานั้นจะเริ่มมีขีดความสามารถเหนือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นดีพ มายด์ และกูเกิล แอสซิสแทนต์ ของค่ายกูเกิล อเล็กซา ของอะเมซอน สิริ ของแอปเปิ้ล คอร์ทาน่า ของไมโครซอฟท์ และอีกหลากหลายค่าย ซึ่งพัฒนาตัวเองได้จากการเรียนรู้พฤติกรรมของมนุษย์ผู้ใช้งาน เนื่องจากข้อมูลที่มากขึ้น ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ที่สูงขึ้นส่งผลให้เอไอเหล่านี้ทำงานได้ไวและแม่นยำมากขึ้นไปอีก

ส่งผลให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์พัฒนาแอพพลิเคชั่นที่มีความซับซ้อนได้ง่ายขึ้นอีก นำไปสู่การเปิดประสบการณ์การใช้งานที่ซับซ้อนของผู้ใช้ได้ในปีนี้

4.เทคโนโลยีการสื่อสาร 5 จี

ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีข้างต้นทำให้ต้องใช้แพล็ตฟอร์มเครือข่ายการสื่อสารที่มีขีดความสามารถสูงขึ้น ปีนี้จะเป็นการมาถึงของเครือข่ายการสื่อสารและผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สื่อสารที่สนับสนุน 5 จี ซึ่งจะทำให้การส่งและรับข้อมูลไร้สายมีความเร็วสูง และสร้างเสถียรภาพให้กับไอโอที มีความเร็ว สูงกว่า 4 จีร้อยละ 15-50 มีเอกชนยักษ์ใหญ่เป็นผู้ผลักดัน

5.อักเมนต์–เวอร์ชวล เรียลลิตี้

ปฏิสัมพันธ์แบบใหม่ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีจะแพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะระบบอักเมนต์ เรียลลิตี้หรือเออาร์ ซึ่งเป็นการสร้างภาพกราฟิกแทรกเข้ามาในสภาพแวดล้อมจริง และเวอร์ชวล เรียลลิตี้ หรือ วีอาร์ ซึ่งเป็นการจำลองสภาพแวดล้อมใหม่ทับของเดิม ทั้งสองเทคโนโลยีนี้จะมีความสมจริงมากขึ้น และทำงานได้รวดเร็ว ผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง ได้แก่ แว่นตาไมโครซอฟท์ โฮโลเลนส์ ที่เป็นระบบเออาร์ นอกจากนี้เออาร์ยังนำไปใช้ในที่อื่นๆ ได้อีก อาทิ กระจกรถยนต์ หน้าต่างอาคาร

ขณะที่วีอาร์นั้นเน้นไปทางด้านเพื่อความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็น แว่นซัมซุงเกียร์ วีอาร์ แว่นพีเอส วีอาร์ ของเครื่องเพลย์ สเตชั่น เอชทีซี ไวฟ์ และออคูลัส ริฟต์

ข้อมูลจาก ข่าวสด

5 เทคโนโลยี พลิกโลกปี 2019 Read More »

เทคโนโลยี คืออะไร

         เทคโนโลยี (Technology) คือ การใช้ความรู้ เครื่องมือ ความคิด หลักการ เทคนิค ความรู้ ระเบียบวิธี กระบวนการตลอดจน ผลงานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ่งประดิษฐ์และวิธีการ มาประยุกต์ใช้ในระบบงานเพื่อช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงานให้ดียิ่ง ขึ้นและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานให้มีมากยิ่งขึ้น

การนำเทคโนโลยีมาใช้กับงานในสาขาใดสาขาหนึ่งนั้นเทคโนโลยี มีความสำคัญ 3 ประการ คือ

          1.ประสิทธิภาพ (Efficiency) เทคโนโลยีจะช่วยให้การทำงานบรรลุผลตามเป้าหมายได้ เที่ยงตรงและรวดเร็ว

          2.ประสิทธิผล (Productivity) เกิดผลผลิตเต็มที่ ได้ประสิทธิผลสูงสุด

          3.ประหยัด (Economy) ประหยัดทั้งเวลาและแรงงาน ลงทุนน้อยแต่ได้ผลมาก

ความสำคัญของเทคโนโลยี

          1.เป็นพื้นฐานปัจจัยจำเป็นในการดำเนินชีวิตของมนุษย์

          2.เป็นปัจจัยหลักที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนา

          3.เป็นเรื่องราวของมนุษย์ และธรรมชาติ

          ในช่วงสองทศวรรษทีผ่านมา วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี ได้มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นจนสามารถสร้างนวัตกรรม (Innovation) ซึงก็คือ การเรียนรู้ การผลิตและ การใช้ประโยชน์จากความคิดใหม่ ให้เกิดผลทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม เทคโนโลยีทำให้สังคมโลกทีเ รียบง่าย กลายเป็นสังคมที่มีการดำรงชีวิตที สลับซับซ้อนมากขึ้น ก่อให้เกิดกระแสแห่งความไร้พรมแดน หรือกระแสโลกาภิวัฒน์ ทีเข้ามาสู่ทุกประเทศอย่าง รวดเร็ว จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ อันเป็นการผสมผสาน 4 ศาสตร์ เข้าด้วยกันได้แก่ อิเล็อทรอ นิกส์ โทรคมนาคม และข่าวสาร (Electronics , Computer ,Telecomunication and Information หรือเรียกย่อๆ ว่า ECTI ) ทำให้สังคมโลกสามารถสื่อสารกันได้ทุกแห่งทั่วโลกอย่างรวดเร็ว สามารถรับรู้ข่าวสาร ความเคลื อนไหวต่างๆ ได้พร้อมกัน สามารถบริหารจัดการและตัดสินใจได้ทุกขณะเวลา การลงทุนค้าขาย และธุรกรรมการเงินทได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นเทคโนโลยี กำลังทำให้โลกใบนี้ “เล็กลง” ทุกขณะ

ประโยชน์ของเทคโนโลยี
     -ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ แถมยังช่วยพัฒนาระบบอารายธรรมโดยทางอ้อมอีกด้วย
เรื่องราวจากการเริ่มต้นเทคโนโลยี ยาวนานจนบัดนี้ทำให้มนุษย์เราแทบไม่สามารถแยกจากเทคโนโลยีไปได้แล้ว
    -ช่วยให้มนุษย์มีความสะดวกสบายขึ้น
    -ช่วยให้เราทันสมัย
    -ช่วยประหยัดเวลา
    -ช่วยในการทำงาน

บทบาทหน้าที่ของเทคโนโลยี

        ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำชีวิตเป็นอันมาก เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี เทคโนโลยีทำให้การสร้างที่พักอาศัยมีคุณภาพมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าและให้บริการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้น เทคโนโลยีทำให้ระบบการผลิตสามารถผลิตสินค้าได้เป็นจำนวนมากมีราคาถูกลง สินค้าได้คุณภาพ เทคโนโลยีทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันได้สะดวก การเดินทางเชื่อมโยงถึงกันทำให้ประชากรในโลกติดต่อรับฟังข่าวสารกันได้ตลอดเวลา

วิวัฒนาการเทคโนโลยี (Evolution of Technolgy)

          เทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไปขั้นตอนการเปลี่ยนนแปลงขึ้นอยู่กับกระบวนการทางวิวัฒนาการ (Evolution) ของระบบหรือเครื่องมือนั้นๆ ดังนั้นคำว่าวิวัฒนาการของเทคโนโลยี (Evolution of Technology) จึงหมายถึง ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในระบบหรือเครื่องมือที่เกิดขึ้นอย่างซับซ้อนและมีการเปลี่ยนแปลงตามลำดับอย่างต่อเนื่องอันมีสาเหตุมาจากปัจจัยต่างๆ

ข้อมูลจาก Google

เทคโนโลยี คืออะไร Read More »

จริง ๆ แล้ว..เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก “มีความหมาย” แต่ละตัวเลขสามารถบอกอะไรได้บ้าง?

รหัส 13 หลักของบัตรประจำตัวประชาชนนั้นบ่งบอกความเป็นตัวตนของเราค่อนข้างละเอียดค่ะ เชื่อว่าหลายคนจะยังไม่ทราบว่าเลขรหัสของบัตรประจำตัวประชาชนของตนหมายถึงอะไร

          หรือเรียกกันสั้นๆ ว่าเลข 13 หลักและแต่ละหลักต่างก็มีความหมายในตัวของมันเอง เช่น เป็นการแยกประเภทบุคคลถิ่นที่อยู่  และเลขที่ใบเกิดฯลฯ  ประชาชนแต่ละคนจะมีเลขที่ไม่ซ้ำกัน และเมื่อเกิดมาจะได้รับการกำหนดเลข 13 หลัก ประจำตนเอง  โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่เกิดจนตาย เลขประจำตัวประชาชนทั้ง 13 หลัก  จะปรากฏอยู่ในสูติบัตร  สำเนาทะเบียนบ้าน  และบัตรประจำตัวประชาชน

ความหมายของเลข ประจำตัวประชาชนทั้ง 13 หลัก
ตัวเลขหลักแรก หมายถึง “ประเภทของคนไทย” แบ่งออกเป็น 8 ประเภทด้วยกัน ดังนี้

        ประเภทที่ 1 คนไทยที่เกิดและมีสัญชาติไทย แจ้งเกิดตั้งแต่ 1 มกราคม 2527 เป็นต้นมา เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนของท่านจะเป็นเลข 1 

ประเภทที่ 2  คนไทยที่เกิดและมีสัญชาติไทยแต่ไม่ได้แจ้งเกิดตามกำหนดเวลาในข้อ 1 เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนของท่านจะเป็นเลข 2

ประเภทที่ 3 คนไทยและคนต่างด้าว(ที่มีใบสำคัญประจำตัว) และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2527 เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนของท่านจะเป็นเลข 3 

ประเภทที่ 4  คนไทยหรือคนต่างด้าวที่มีใบสำคัญต่างด้าวแต่แจ้งย้ายเข้าโดยยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชนในสมัยเริ่มแรก พอมาทำบัตรในตอนหลังก็จะได้หมายเลข 4 

        ประเภทที่ 5 คนไทยที่ได้รับอนุมัติให้เพิ่มชื่อเข้าไปในทะเบียนบ้านในกรณีตกสำรวจ  หรือกรณีอื่นๆ เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนของท่านจะเป็นเลข 5

        ประเภทที่ 6 ผู้เข้าเมืองไทยไม่ชอบด้วยกฏหมายหรือชอบด้วยกฏหมายแต่อยู่ในลักษณะชั่วคราว เช่นชนกลุ่มน้อย เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนจะเป็นเลข 6

        ประเภทที่ 7  บุตรของกลุ่มหมายเลข 6 ที่เกิดในไทย นับว่าเป็นโชคดีที่ได้บัตรประจำตัวของไทยด้วย  เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนจะเป็นเลข 7 

        ประเภทที่ 8 คนต่างด้าวที่ได้รับสิทธิ์โอนสัญชาติเป็นไทย  เช่นได้สามีเป็นคนไทย เลขตัวหน้าสุดในบัตรประชาชนจะเป็นเลข 8 

ตัวเลขหลักที่ 2 – 5 หมายถึง จังหวัดและอำเภอซึ่งเป็นภูมิลำเนาของท่าน

ตัวเลขหลักที่ 6 – 10 หมายถึง ลำดับในการออกเลขรหัส บ่งบอกถึงอายุและลำดับความอาวุโสในครอบครัว

ตัวเลขหลักที่ 11 – 12 เป็นลำดับที่ของท่านเมื่อแยกตามประเภทของบุคคลในหลักที่ 1

ตัวเลขหลักที่ 13 เป็นตัวเลขการตรวจสอบ 12 หลักแรก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีสูตรคำนวณของเขา

        ทีนี้พอทราบความหมายความสำคัญของตัวเลขรหัสของบัตรประจำตัวประชาชนของตนเองแล้ว หน้าที่ของเราคือจะต้องเก็บบัตรของเราไว้ดี ๆ  อย่าเผลอไปบอกใครง่าย ๆ นะ

ขอบคุณข้อมูลจาก gotoknow

จริง ๆ แล้ว..เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก “มีความหมาย” แต่ละตัวเลขสามารถบอกอะไรได้บ้าง? Read More »