เกษตรน่ารู้

วัคซีนโรคลัมปี สกิน โดสละ 9 บาท ปศุสัตว์คาดผลิตล็อตแรกกลาง พ.ค.

วันที่ 25 มีนาคม 2565 นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า จากปัญหาการเกิดโรคลัมปี สกิน ในโค-กระบือ และเป็นการสร้างความมั่นคงทางด้านวัคซีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้สั่งการให้กรมปศุสัตว์วิจัยและพัฒนาวัคซีนโรคลัมปี สกิน กรมปศุสัตว์

โดยสำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์และสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สำหรับใช้ป้องกันและควบคุมโรคกรณีฉุกเฉิน ได้เริ่มดำเนินการพัฒนาวัคซีนในระดับห้องปฏิบัติการ มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 โดยสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ สามารถแยกไวรัสจากตัวอย่างสัตว์ป่วยในประเทศมาเพาะเลี้ยงในห้องทดลองได้สำเร็จ และส่งหัวเชื้อไวรัสต่อให้สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์ นำมาขยายปริมาณไวรัสในเซลล์เพาะเลี้ยงและผลิตเป็นแอนติเจนที่หมดฤทธิ์ในการก่อโรค

จากนั้นได้ทดลองผลิตเป็นวัคซีน 2 สูตรได้แก่ วัคซีนเชื้อตายในรูปแบบชนิดน้ำและวัคซีนเชื้อตายชนิดน้ำมัน โดยผลการทดลองในสัตว์ตามวิธีมาตรฐานการผลิตวัคซีน แสดงให้เห็นว่าวัคซีนทั้ง 2 สูตร มีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ในสัตว์

ปัจจุบันกรมปศุสัตว์ เดินหน้าขยายกำลังการผลิตวัคซีนจากระดับห้องปฏิบัติการ สู่ระดับกึ่งอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีการผลิตในขวดเพาะเลี้ยงเซลล์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีดั้งเดิมของการผลิตวัคซีนโรคปากและเท้าเปื่อย และที่สำนักเทคโนโลยีชีวภัณฑ์สัตว์มีองค์ความรู้และมีบุคลากรที่มีความชำนาญ โดยเทคโนโลยีการผลิตดังกล่าวสามารถรองรับปริมาณการผลิตวัคซีนที่ 50,000-100,000 โดสต่อเดือน

ตลอดกระบวนการผลิตใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนเศษ และคาดว่าจะผลิตวัคซีนชุดแรกแล้วเสร็จช่วงประมาณกลางเดือนพฤษภาคม 2565 ในราคาต้นทุนโดสละ 9 บาท ในช่วงปีแรก สามารถผลิตวัคซีนได้ มีมูลค่า 6 ล้านบาท หากต้องนำเข้าจากต่างประเทศต้องใช้งบประมาณถึง 27 ล้านบาท จะช่วยประหยัดงบประมาณแผ่นดินได้มากถึง 21 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีปริมาณวัคซีนเพียงพอต่อความต้องการใช้ สำหรับการควบคุมและป้องกันภายในประเทศ รวมถึงสัตว์นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน กรมปศุสัตว์ได้ศึกษาความเป็นไปได้เพื่อขยายกำลังการผลิตวัคซีนดังกล่าว ให้สามารถผลิตได้เดือนละ 5 แสน ถึงกว่า 1 ล้านโดส ซึ่งจะทราบผลการศึกษาในช่วงกลางปี 2566

ทั้งนี้ หากกำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด จะสามารถช่วยลดการนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศได้มากถึงปีละ 8 ล้านโดส ซึ่งต้องใช้งบประมาณถึง 360 ล้านบาท

การที่กรมปศุสัตว์สามารถผลิตวัคซีนโรคลัมปี สกิน เองได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศได้กว่าปีละ 280 ล้านบาท อีกทั้งสามารถส่งขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนได้อีกด้วย นอกจากนี้ การฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงยังนำไปสู่การกำจัดโรคลัมปี สกิน ให้หมดไปจากประเทศไทยได้อย่างถาวรในอนาคต

 

ที่มา-ประชาชาติธุรกิจ

วัคซีนโรคลัมปี สกิน โดสละ 9 บาท ปศุสัตว์คาดผลิตล็อตแรกกลาง พ.ค. Read More »

อาชีพดาวรุ่ง รับซื้อขายหมากสด หมากแห้ง 100% ส่งต่างประเทศ พ่อค้ารับซื้อถึงที่ ไม่อั้น

ภาคตะวันออก นอกจากจะเป็นแหล่งผลไม้ ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกองแล้ว ผล “หมาก” ยังเป็นพืชเศรษฐกิจ มีพื้นที่ปลูก 5,565 ไร่ คิดเป็น 15% ของประเทศ 4 อันดับจังหวัดที่ปลูกมากที่สุด คือ ฉะเชิงเทรา 2,879 ไร่ จันทบุรี 903 ไร่ ระยอง 888 ไร่ ตราด 826 ไร่ (สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 3 จังหวัดระยอง) หมากทำรายได้เงียบๆ ให้ประเทศปีละกว่า 5,000 ล้านบาท สร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูก พ่อค้าที่รับซื้อ-ขายส่งให้พ่อค้าต่างประเทศ จีน อินเดีย พม่า เวียดนาม ดูไบ ที่มารับซื้อถึงบ้าน หมากนอกจากบริโภคแล้วยังเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนัง เส้นใย ทำสีย้อมแห ย้อมอวน สกัดทำยาสมุนไพร ยารักษาโรค ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในรอบ 2-3 ปีราคาพุ่งสูงขึ้นทุกปี ทำให้เกษตรกรมีแนวโน้มที่จะมีการปลูกเพิ่มขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นพืชแซมสวนผลไม้

คุณณรงค์สิชณ์ สุทธาทิพย์ อยู่บ้านหนองป่าหมาก หมู่ที่ 7 ตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เล่าว่า มีอาชีพหลักทำสวนผลไม้ และหันมาทำอาชีพเสริมรับซื้อ-ขายหมากสด หมากแห้งมาเป็นปีที่ 5 โดยมีลูกสาว คือ “น้องหนิง” คุณจุฑามณี สุธาทิพย์ ที่ช่วยดูแลสวนอยู่ และลูกชาย “ดวงดี” คุณปุณยวัจน์ สุธาทิพย์ ที่เรียนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปี 2 กลับมาเรียนออนไลน์ที่บ้านเป็นผู้ช่วยเพิ่ม โดยเห็นว่าพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดใกล้เคียงมีหมากจำนวนมาก และเป็นที่ต้องการของพ่อค้าต่างประเทศ ร้านหรือแผงรับซื้อรายใหญ่ๆ ยังมีไม่มาก มีเครือข่ายพ่อค้ารายย่อยที่จะรับซื้อจากชาวบ้าน ทั้งหมากสุกและหมากแห้ง เพื่อทำหมากแห้งคุณภาพ 100% ขายให้พ่อค้าไทยที่ส่งออกและพ่อค้าต่างประเทศที่รับซื้อโดยตรง เช่น อินเดีย จีน พม่า เวียดนาม ดูไบ

การทำหมากแห้งให้ได้มาตรฐาน 100% จะขายได้ราคาดีและมีลูกค้าเชื่อมั่นเป็นลูกค้าประจำ ราคาหมากแห้งในช่วง 2-3 ปีมานี้ตลาดมีความต้องการสูงทำให้ราคาตลาดดีมาก ตั้งแต่ช่วงก่อนถึงฤดูกาลในเดือนธันวาคม-มกราคม ปี 2564 ราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท สูงกว่าปีที่แล้ว ราคา 35-40 บาท และราคาเฉลี่ยทั้งปี 60 บาทมีช่วงสั้นๆ ที่หมากขาดจะสูงถึง 100 บาท คาดว่าปีนี้ราคาเฉลี่ยน่าจะถึง 70 บาท

รับซื้อหมากสุก หมากแห้ง

ทำหมากแห้ง 100% ส่งออก

คุณณรงค์สิชณ์ หรือเรียกกันคุ้นชินว่า “รองเหล็ง” เพราะเคยเป็นรองนายก อบต.สองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่มาก่อน เล่าว่า ในการหาซื้อวัตถุดิบและการตลาดมีน้องสาว “น้องโอ๋” คุณทิพวรรณ สิทธิประสงค์ เป็นผู้ช่วยทุกด้าน หมากที่ซื้อมี 2 ชนิด คือ หมากสุกที่ซื้อมาจากชาวบ้านหรือพ่อค้ารายย่อยเป็นลูกๆ ตอนนี้ราคากิโลกรัมละ 10 บาท และหมากแห้งแกะเปลือกออกตากแห้งแล้ว ราคา 50 บาท แต่หมากแห้งที่รับซื้อมาต้องคัดเกรด และรับซื้อราคาต่างกันแบ่งเป็น 3 เกรด คือ เกรดคุณภาพ A กิโลกรัมละ 50 บาท หมากลาย 10-20 บาท เป็นหมากอ่อนไม่สมบูรณ์มีน้ำหนักเบา สีดำ และหมากเสียกิโลกรัมละ 5 บาท ที่เม็ดยังติดเปลือกไม่ร่วง หากชาวบ้านคัดคุณภาพดีเกรด A มา จะได้ราคาดี ถ้ามีหมากเสีย หมากลายปะปนเล็กน้อยจะรับซื้อราคาถัวเฉลี่ย 48 บาทลงมา ซึ่งต้องนำมาคัดแยกออกให้หมด ทั้งหมากสุกและหมากแห้งที่รับซื้อต้องผ่านกระบวนการตากแดด อบแห้ง คัดไซซ์ เพื่อสร้างสินค้าคุณภาพ 100% ให้พ่อค้าส่งออกที่มารับซื้อเชื่อมั่น ให้ราคาดีและซื้อสินค้าของเราต่อเนื่อง

หมากภาคตะวันออก ลูกใหญ่กลม สวย เนื้อมาก

ได้ราคา สต๊อกแต่ละปี 60-80 ตัน

คุณณรงค์สิชณ์ เล่าว่า หมากภาคตะวันออกส่วนใหญ่เป็นพันธุ์พื้นบ้าน ลักษณะลูกใหญ่กลม สวย เนื้อมาก เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศได้ราคาดี ต่างจากหมากจากภาคอีสาน หรือหมากอินโดนีเซียลูกเล็กกว่าและออกสีดำๆ ราคาจะต่ำกว่า 10-15 บาทต่อกิโลกรัม หมากภาคอีสานจะลูกเล็กกว่าราคาต่ำกว่า 5-10 บาท พ่อค้าที่รับซื้อบางรายนำมาผสมปะปนกัน การทำหมากแห้งนั้นต้องเน้นคุณภาพให้แห้ง 100% ปลอดภัยไม่มีมอด ใช้เครื่องคัดขนาด 3 ไซซ์ เล็ก กลาง ใหญ่ ให้ตรงกับความต้องการของพ่อค้า

ซึ่ง ลูกชาย “ดวงดี” ลูกสาว “น้องหนิง” ช่วยดูแลกัน ทำเพจ เฟซบุ๊ก เพื่อทำการตลาดในโซเชียล ทั้งรับซื้อและขายให้พ่อค้าส่งออกและพ่อค้าต่างประเทศ มีคลิปวิดีโอเผยแพร่ให้เห็นกระบวนการทำหมากแห้งคุณภาพ 100% การใช้ภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับพ่อค้าต่างชาติให้รู้จักและติดต่อกลับมา ได้ผลดีมีพ่อค้าต่างประเทศจะติดต่อขอเข้ามาดูสินค้า เสนอราคาก่อนมีออเดอร์ ปีนี้ตลาดมีความต้องการสูงทำให้ราคาตลาดดีมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ และน่าจะราคาดีขึ้นเมื่อถึงฤดูกาลเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ตอนนี้ราคารับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาท สูงกว่าปีที่แล้วราคา 35-40 บาท และราคาเฉลี่ยทั้งปี 60 บาท คาดว่าปีนี้น่าจะถึง 70 บาท เพราะมีการขายหมากสด หมากเขียวกันมาก ปริมาณหมากแห้งน่าจะน้อยกว่าปีก่อน

“การรับซื้อหมากแห้งมีทั้งหมากรายวันซื้อมาขายไป กับรับซื้อสต๊อกเก็บไว้แต่ต้องไม่สต๊อกข้ามปีเพราะจะมีมอดกิน มีพ่อค้าที่ติดต่อซื้อขาย 8-10 ราย ส่วนใหญ่ออเดอร์คนละ 4-10 ตัน ประมาณ 2 หรือ 4 สัปดาห์ครั้ง สต๊อกที่มีอยู่จะขายหมุนไปหมดทุกปี ปีที่แล้วสต๊อก 60-80 ตัน บางปีถึง 100 ตัน ดังนั้น ต้องใช้เงินหมุนเวียนแต่ละปีประมาณ 5 ล้านบาท” คุณณรงค์สิชณ์ กล่าว

แนวโน้มราคาดี

เกษตรกรปลูกเพิ่มแซมผลไม้สร้างรายได้

คุณณรงค์สิชณ์ กล่าวว่า หมากในภาคตะวันออกเป็นพันธุ์พื้นบ้าน ต้นสูง 10-15 เมตร ผลผลิตปริมาณน้อยเพราะส่วนใหญ่ปลูกพืชแซมเป็นผลพลอยได้ น่าส่งเสริมให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ตอนนี้เกษตรกรสนใจปลูกเพิ่มขึ้น มีการขายพันธุ์การเก็บลูกจากต้นพันธุ์ดีๆ ขายลูกละ 1.50-2 บาท และเพาะกล้าพันธุ์ชำต้น ต้นละ 10-15 บาท ขายเฉพาะต้นพันธุ์ 5 บาท ตอนนี้ทางเวียดนาม กัมพูชา เริ่มนำไปปลูกกัน และมีพ่อค้าเวียดนามมาซื้อหมากดิบและหมากสุกไปแกะเปลือกขาย

“หมากแห้งขั้นตอนทำจะน้อยกว่าหมากสุกๆ เมื่อนำทำหมากแห้งน้ำหนักจะหายไป 60% หมากแห้งน้ำหนักหายไป 20% ถ้าเป็นหมากรายวันซื้อมาขายไปน้ำหนักจะไม่สูญเสียแต่ต้องคัดเกรดให้ได้คุณภาพมาตรฐาน ไม่มีหมากลาย หมากเสีย ส่วนใหญ่ลูกค้าที่เป็นชาวบ้านมักแกะเปลือกตากแห้งมาเสร็จเพราะใช้เวลาว่างทำอยู่กับบ้านได้ เป็นรายได้ที่ดี เพราะหมากปลูกแล้วไม่ต้องดูแลมาก” คุณณรงค์สิชณ์ กล่าว

 

ที่มา-technologychaoban

อาชีพดาวรุ่ง รับซื้อขายหมากสด หมากแห้ง 100% ส่งต่างประเทศ พ่อค้ารับซื้อถึงที่ ไม่อั้น Read More »

ประโยชน์จากฝักของราชพฤกษ์หรือคูน

ฝักคูนที่เห็นแก่หล่นอยู่ใต้ต้น ทราบไหมว่าสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างโดยเกษตรกรหัวก้าวหน้าของพะเยา ได้ศึกษาและมีแนวทางการใช้ประโยชน์อย่างมากมาย ลองติดตามดูนะครับ

ข้อมูลทางวิชาการราชพฤกษ์, คูน, ลมแล้ง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula เป็นไม้ดอกในตระกูล Fabaceae เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถาน ไปจนถึงอินเดีย ศรีลังกา พม่า และไทย นอกจากนี้ ดอกราชพฤกษ์ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติไทยอีกด้วย ชื่อของราชพฤกษ์นั้นมีการเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละท้องถิ่น ส่วนใหญ่จะเรียกราชพฤกษ์ว่า คูน เนื่องจากจำง่ายกว่า (แต่มักจะเขียนผิดเป็น คูณ) ทางภาคเหนือเรียกว่า ลมแล้ง ทางภาคใต้เรียกว่า ราชพฤกษ์ ลักเกลือ หรือลักเคย ชาวกะเหรี่ยงและในกาญจนบุรีเรียกว่า กุเพยะ

การปลูกและการดูแลรักษาการปลูกในช่วงแรกๆ ต้นราชพฤกษ์จะเจริญเติบโตได้ช้าในระยะเวลาประมาณ 1-3 ปีแรก หลังจากนั้น จะเจริญเติบโตเร็วขึ้น เปลือกจะเป็นสีน้ำตาลเรียบ มีรากแก้วยาวสีเหลือง และมีรากแขนงเป็นจำนวนมาก เมื่อมีอายุ 4-5 ปี จึงออกดอกและเมล็ดและเจริญเติบโตต่อไป การดูแลรักษาแสง ต้องการแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง ต้องการปริมาณน้ำน้อย ควรให้น้ำ 7-10 วัน ต่อครั้ง อายุประมาณ 4 ปี สามารถทนต่อสภาพธรรมชาติได้ดี

ต้นราชพฤกษ์เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุย ดินร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียว ปุ๋ย นิยมใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในการบำรุงรักษา อัตรา 2-3 กิโลกรัม ต่อต้น ควรใส่ปีละ 3-4 ครั้ง การขยายพันธุ์ นิยมขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง การเพาะเมล็ด วิธีที่นิยมและได้ผลดีคือ การเพาะเมล็ด สรรพคุณส่วนต่างๆ ของต้นราชพฤกษ์มีประโยชน์ดังนี้ ฝักแก่ เนื้อสีน้ำตาลดำและชื้นตลอดเวลา มีรสหวาน สามารถใช้เป็นยาระบายได้ โดยนำฝักมาต้มกับน้ำ และเติมเกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือก่อนกินอาหาร นอกจากนั้น ฝักแก่ยังมีสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมน้ำแช่ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน

สารละลายที่กรองได้สามารถฉีดพ่นกำจัดแมลงและหนอนในแปลงผักได้ ฝักแก่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้มด้วยเตาเศรษฐกิจ มีขนาดที่พอเหมาะ ไม่ต้องผ่า เลื่อยหรือตัด เนื้อของฝักแก่ใช้แทนกากน้ำตาลในการทำหัวเชื้อจุลินทรีย์และจุลินทรีย์ขยาย ฝักอ่อน สามารถใช้ขับเสมหะได้ ใบ สามารถนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคได้ ดอก ช่วยแก้แผลเรื้อรัง ใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร

ความเชื่อต้นราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้มงคลนิยมใช้ประกอบพิธีที่สำคัญ เช่น พิธีเสาไม้หลักเมือง เป็นส่วนประกอบในการทำคฑาจอมพล และยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ทำพิธีปลูกบ้าน ฯลฯ คนไทยในสมัยโบราณเชื่อว่า ควรปลูกต้นราชพฤกษ์ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของที่อยู่อาศัย เพื่อให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านเรือนมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ ซึ่งความเป็นจริงคือทิศดังกล่าวจะได้รับแดดจัดตลอดช่วงบ่าย จึงควรปลูกต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ลดความร้อนและทำให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น

คุณประสาธน์ เปรื่องวิชาธร หรือ อาหย่ง เจ้าของสวนกล้วยห้วยเกี๋ยง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา เล่าให้ฟังว่า จากการสังเกตต้นราชพฤกษ์หรือคูน ทั่วไปเมื่อออกดอกแล้วจะติดผลซึ่งเราเรียกว่าฝักเป็นจำนวนมากเมื่อแก่จัดจะร่วงหล่นกองเต็มใต้ต้นทิ้งระยะสัก 2-3 เดือนฝักเหล่านี้กลับหายไปหมด อาหย่ง จึงเข้าไปศึกษาดูพบว่าฝักเหล่านั้นไม่ได้หายไปไหนแต่ย่อยสลายกลายเป็นปุ๋ยหมักชั้นดี

เมื่อศึกษาอย่างจริงจังพบว่าในฝักคูนจะมีน้ำเหนียวๆ เมื่อชิมดูจะมีรสหวาน จึงถึงบางอ้อว่าที่ฝักคูนย่อยสลายได้ดีเพราะมีน้ำตาลลักษณะคล้ายกากน้ำตาลหรือโมลาสนี้เอง หากนำมาทำปุ๋ยหมัก เมื่อนำไปหว่านบริเวณที่มีหอยเชอรี่ระบาดจะพบว่าสามารถกำจัดหอยเชอรี่ได้เป็นอย่างดี

สำหรับคนที่มีปัญหาขับถ่ายลำบากหรือท้องผูกสามารถใช้ฝักคูนสัก 3 ข้อต้มน้ำเป็นน้ำชาจะช่วยระบายได้เป็นอย่างดี ในฝักของคูนมีสารซาโปนินเป็นสารต้านจุลินทรีย์ สารต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการดูดซึมคอเลสเตอรอลในลำไส้เล็ก หรือช่วยการดูดซึมกรดน้ำดี แต่มีความเป็นพิษต่อแมลง หนอน หอยทาก และปลา หากเข้าสู่ร่างกายมนุษย์จะทำให้เกิดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง ขณะปล่อยฮีโมโกลบินออกมา

บทบาทในพืชและสัตว์ซาโปนินอาจเป็นสารยับยั้งการกินในศัตรูพืช ซาโปนินในพืช เช่น ข้าวโอ๊ตและปวยเล้ง ช่วยเพิ่มการดูดซึมและการย่อยอาหารของสัตว์ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่าซาโปนินเป็นพิษต่อสัตว์เลือดเย็นและแมลงในระดับความเข้มข้นจำเพาะ

พฤกษศาสตร์พื้นบ้านมีการใช้สารซาโปนินในการจับสัตว์น้ำมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ตัวอย่างเช่น ชนเผ่ากอนด์ (Gond) ในอนุทวีปอินเดียที่ใช้สารซาโปนินในการเบื่อปลา และชนพื้นเมืองในแคลิฟอร์เนียที่ใช้หัวของพืชสกุล Chlorogalum หรือรากของพืชสกุล Yucca มาผสมกับน้ำจนเกิดเป็นฟองแล้วเทลงในแหล่งน้ำเพื่อเบื่อปลา ถึงแม้ในบางพื้นที่จะออกกฎหมายห้าม แต่ในปัจจุบันชนพื้นเมืองในกายอานายังคงใช้วิธีนี้อยู่

การใช้ประโยชน์ เนื่องจากซาโปนินมีคุณสมบัติการลดแรงตรึงผิวที่ไม่มีประจุ จึงนิยมใช้เป็นอิมัลซิไฟเออร์ สารซักฟอกและสารก่อฟอง นอกจากนี้ ยังใช้เป็นสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืชและฟื้นฟูสภาพดิน ซาโปนินยังใช้ในอุตสาหกรรม เช่น เป็นสารต้านเชื้อราและยีสต์ ในสหรัฐอเมริกาใช้ซาโปนินเป็นสารก่อฟองในเครื่องดื่มคาร์บอเนต (น้ำอัดลม)

ในญี่ปุ่นใช้ซาโปนินเป็นอิมัลซิไฟเออร์ในการเตรียมเครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และผักดอง ประเทศในสหภาพยุโรปใช้สารสกัดซาโปนินเป็นสารก่อฟองในสารละลายที่มีน้ำและเป็นสารแต่งกลิ่นในเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์

ตอนนี้กำลังติดต่อกับประเทศจีน เกาหลี และญี่ปุ่น เพื่อส่งออกไปทำเป็นสมุนไพร และเวชสำอางทางอาหย่งรับซื้อฝักคูนในราคา 3-4 บาท ต่อกิโลกรัม

หากใครจะเป็นตัวแทนรับซื้อทางอาหย่งจะมีค่าบริหารจัดการให้ หากในพื้นที่บริเวณใกล้เคียงอำเภอจุน หากมีปริมาณ 500 กิโลกรัมขึ้น หากนำมาส่งจะช่วยค่าขนส่งหรือจะให้ทางทีมงานของอาหย่งนำรถไปรับก็ได้ ติดต่อคุณประสาธน์ หรือ อาหย่ง ที่โทร. (063) 469-6598

เผยแพร่ครั้งแรก วันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2563

 

ที่มา-technologychaoban

ประโยชน์จากฝักของราชพฤกษ์หรือคูน Read More »

เปิด 14 ข้อ ประโยชน์ “กัญชา” สรรพคุณล้น รักษาโรคอะไรได้บ้าง?

เปิด 14 ข้อต้องรู้ ประโยชน์ “กัญชา” รักษาโรค หลังจากที่ กระทรวงสาธารณสุข ปลดล็อก ใบกัญชา กัญชง พ้นจากบัญชียาเสพติด

กระทรวงสาธารณสุข เพิ่งปลดล็อก “ใบกัญชา-กัญชง” พ้นจากบัญชียาเสพติด โดยเหตุผลที่ได้รับการปลดล็อก เนื่องจากว่าสรรพคุณของกัญชาให้ประโยชน์อย่างมากมาย และในอนาคตจะทำให้เกิดการเอื้อประโยชน์ในทางการแพทย์นำไปศึกษาถึงสรรพคุณของกัญชาและกระท่อมในการรักษาอาการเจ็บป่วย และเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้ป่วยให้ดีขึ้นต่อไป

“กัญชา” มีชื่อวิทยาศาสตร์คือ Cannabis sativa เป็นพืชล้มลุก มีใบเป็นแฉก 5-8 แฉก ลำต้นสูง 3-5 เมตร กัญชามีสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทหรือ สาร THC (Tetrahydrocannabinol) มีฤทธิ์ทำให้ติดและเมา และ CBD (Cannabidiol) สารต้านฤทธิ์เมา ไม่มีผลต่อจิตประสาท ช่วยลดผลข้างเคียงจากจิตและประสาทจาก THC มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง

กัญชา มี 3 สายพันธุ์ย่อย ดังนี้

C. sativa spp sativa แถบบริเวณเส้นศูนย์สูตร โคลัมเบีย, เม็กซิโก, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และไทย

C. sativa spp indica ปากีสถาน, อัฟกานิสถาน, โมร็อกโก และทิเบต

C. sativa spp ruderralis อากาศหนาวเย็น ตอนกลางของรัสเซีย

สำหรับประโยชน์ของกัญชานั้น มีงานวิจัยหลายแห่งรายงานผลว่า สารสกัดจากกัญชามีสรรพคุณรักษาอาการของโรคต่างๆ ดังนี้

1. รักษาภาวะเบื่ออาหาร กัญชาใช้เป็นสารกระตุ้นความอยากอาหาร จะช่วยชะลอน้ำหนักลดในผู้ป่วยมะเร็ง

2. การป้องกันการคลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัด

3. รักษาโรคลมชักที่รักษายากและโรคลมชักที่ดื้อต่อยารักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

4. รักษาภาวะปวดประสาทส่วนกลาง ที่ใช้วิธีการรักษาอื่นๆ แล้วไม่ได้ผล

5. บรรเทาหอบหืด ยาแก้หอบหืดทุกตัวมีข้อเสียคือมีข้อจำกัด ทั้งประสิทธิภาพและผลข้างเคียง เนื่องจากกัญชาขยายหลอดลมและลดการหดตัวของหลอดลม

6. การใช้กัญชาในการรักษาต้อหิน คือ การรักษาตาต้อหิน ซึ่งเป็นสาเหตุอันดับสองที่ทำให้ คนตาบอดในสหรัฐ คนอเมริกาเกือบล้านที่ป่วยด้วยต้อหินที่รักษาได้ด้วยกัญชา กัญชาทำให้ความดัน ภายในลูกนัยน์ตาลดลงได้ดีหลายชั่วโมงในคนปกติและในคนที่ความดันลูกนัยน์ตาสูงจากต้อหิน การให้กัญชาทางปากหรือทางหลอดเลือดดำให้ผลเหมือนกัน ซึ่งขึ้นกับชนิดอนุพันธ์กัญชามากกว่า จะเกิดจากฤทธิ์กล่อมประสาทของกัญชา กัญชาไม่ได้รักษาโรคขาด แต่ช่วยยับยั้งการบอดไม่ให้เป็นมากขึ้น เมื่อยาทั่วไปไม่อาจช่วยได้ และการผ่าตัดเป็นเรื่องเสี่ยงเกินไป

7. ลดอาการปวด สารในกลุ่มแคนนาบินอยด์ส่วนใหญ่โดยเฉพาะ THC สามารถช่วยลดอาการปวดเรื้อรัง และช่วยให้สามารถนอนหลับได้เพิ่มขึ้น และช่วยลดอาการปวดข้อ แต่สำหรับอาการปวดเรื้อรังในผู้ป่วยมะเร็งนั้นยังไม่มีข้อสรุปทางคลินิกที่ชัดเจน

8. รักษาโรคพาร์กินสัน แต่ยังต้องการงานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติม

9. รักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่ยังต้องการงานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติม

10. รักษาโรคปลอกประสาทอักเสบอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ปลอกประสาทเสื่อมแข็ง) แต่ยังต้องการงานวิจัยสนับสนุนเพิ่มเติม

11. นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ เปิดเผยถึงข้อมูลในตำราพระโอสถพระนารายณ์ และตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ พบตำรับยาไทยที่เข้ากัญชาอยู่หลายตำรับ เช่น

– ตำรับศุขไสยาศน์ สรรพคุณช่วยให้นอนหลับสบาย แก้ปวด เจริญอาหาร นำมาใช้ทดแทน/เสริมกับยาแผนปัจจุบันในกลุ่มยานอนหลับ ยาคลายเครียด

– ตำรับทำลายพระสุเมรุ มีฤทธิ์ช่วยแก้อาการแข็งเกร็งจากอัมพฤกษ์ อัมพาต

– ตำรับน้ำมันสนั่นไตรภพ ช่วยเรื่องท้องมาน ท้องบวม คลายลมในท้อง ท้องอืดจากโรคมะเร็งตับ ใช้ทาบริเวณท้อง

– ตำรับทัพยาธิคุณ ช่วยเรื่องโรคเบาหวาน ลดน้ำตาล

12. รักษาโรคริดสีดวงทวาร เมื่อทายาริดสีดวงและโรคผิวหนังเป็นประจำ พบว่าอาการอักเสบและอาการปวดลดลง หัวริดสีดวงที่โผล่ออกมานอกหรืออยู่รอบๆรูทวารฝ่อลง

13. รักษามะเร็ง สารสกัดจากกัญชาอาจยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งปอดและยับยั้งการเติบโตของเนื้องอกมะเร็งบางอย่างในหนูทดลองได้ หลังจากนั้น เมื่อมีการวิจัยเพิ่มขึ้น พบว่าสารสกัดจากกัญชาสามารถต้านการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งชนิดต่างๆ ได้จริง โดยการยับยั้งกระบวนการสร้างเส้นเลือดของก้อนมะเร็ง (Angiogenesis) และลดการกระจายตัวของเซลล์มะเร็งไปยังส่วนอื่นๆ (Metastasis) ในโรคมะเร็งหลายชนิด ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างโปรแกรมการตายของเซลล์มะเร็ง (Program cell death) ผ่านกระบวนการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

แต่อย่างไรก็ตาม ประสิทธิผลของการรักษาโรคมะเร็งด้วยสารสกัดกัญชา จึงต้องมีการศึกษาวิจัยในรายละเอียดแต่ละประเด็นต่อไป

14. คลายความวิตกกังวล จากประวัติการใช้กัญชาเพื่อช่วยให้ผ่อนคลายในอดีตทำให้มีความเป็นไปได้ที่สารกลุ่มแคนนาบินอลน่าจะมีฤทธิ์คลายความวิตกกังวล แต่อย่างไรก็ตามพบว่ากลไกการออกฤทธิ์นั้นซับซ้อนและยังไม่มีการอธิบายที่ชัดเจน จากรายงานทางคลินิกพบว่าการใช้สาร Fatty acid amide hydrolase inhibitors (FAAH inhibitors) ซึ่งอยู่ในกลุ่ม Endocannabinoids มีความสามารถในการลดอาการวิตกกังวลได้ ปัจจุบันสารหลายชนิดในกลุ่มนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบทางคลินิก

ขอบคุณข้อมูลจาก

ศูนย์ข้อมูลข่าวสารด้านเวชภัณฑ์ กระทรวงสาธารณสุข

กรมสุขภาพจิต

www.cannhealth.org

 

ที่มา- tnn online

เปิด 14 ข้อ ประโยชน์ “กัญชา” สรรพคุณล้น รักษาโรคอะไรได้บ้าง? Read More »

การวัดที่ดินด้วยมือถือ ทำเองง่ายๆ โดยใช้สมาร์ทโฟน

สำหรับเรื่องราวนี้ เราจะมาแนะนำเคล็ดลับการวัดขนาดที่ดินด้วยตัวเองแบบง่ายๆ ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างรังวัด โดยใช้สมาร์ทโฟน บอกเลยว่าเป็นวิธีที่ง่ายมากๆ ที่สำคัญแม่นยำ และ เชื่อถือได้ เพราะอ้างอิงโดยใช้ GPS

เริ่มต้นให้เราไปโหลดแอพที่ชื่อว่า Ling วัดที่ดินมาก่อน

เมื่อเราเข้ามาในแอพ จะขึ้นหน้าจอแผนที่ซึ่งสามารถ ซูมเข้า-ออก ได้เหมือนปกติ

ต่อมา ให้เราเสริชหาตำแหน่งที่เราต้องการวัด อย่างเช่น ในตัวอย่างต้องการวัดขนาดที่ดิน สวนลุม

เริ่มต้น ให้เรานำลูกศรตรงกลางหน้าจอไปไว้ตรงหัวมุมของที่ดินก่อน แล้วกดเครื่องหมายบวก จะขึ้นตัวเลขในแต่ละหลักเขตขึ้นมา แล้วค่อยๆเลื่อนไปที่หัวมุมต่อๆไป

เมื่อวางครบทุกมุมแล้วก็จะขึ้นบอกว่าที่ดินผืนนี้ขนาดเท่าไร ซึ่งเป็นการวัดโดยการคำนวนจากพิกัด GPS ซึ่งแม่นยำ และ เชื่อถือได้ เมื่อวัดเสร็จแล้วเราสามารถ ตั้งชื่อ บันทึก และ เซฟเก็บไว้ในเครื่อง หรือ จะแชร์ให้เพื่อน ให้ลูกค้าที่สนใจซื้อดูข้อมูลที่ดินนี้ก็ได้ นับว่าเป็นอีกเครื่องมือที่เพิ่มความสะดวกสบายให้เราอย่างมาก

 

ที่มา-kasetnana

การวัดที่ดินด้วยมือถือ ทำเองง่ายๆ โดยใช้สมาร์ทโฟน Read More »

ไอเดีย สร้างกระท่อมน้อยปลายนา ขนาดเล็กน่ารัก งบก่อสร้าง 5 หมื่นบาท

สวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารัก และผู้กำลังมีแผนจะสร้างบ้าน กำลังมองหาแบบบ้าน ไอเดียสำหรับสร้างบ้านของตัวเองกันอยู่ กลับมาพบกับเราเว็บไซต์ thailetgo.com เรามีบ้านสวยงบน้อย ไอเดียสร้างบ้านงบประหยัด มาให้ชมเป็นไอเดียกันทุกวัน สำหรับวันนี้เราก็มีไอเดียการสร้างบ้านหลังเล็ก กระท่อมปลายนาขนาดกะทัดรัดน่ารักมาฝากเป็นแนวทางอีกหลัง สำหรับใครกำลังสร้างบ้านสวนหรือบ้านพักขนาดเล็ก ชมเป็นแนวทางกันเลยครับ

สำหรับลักษณะบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดเล็ก ตัวบ้านยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร หลังคาแบบเพิงแหงนเรียบง่ายรูปแบบกำลังนิยมกันอย่างแพร่หลายมุงด้วยเมทัลชีท เสาบ้านใช้เสาคอนกรีตสำเร็จรูป โครงสร้างตัวบ้านเป็นเหล็ก ผนังใช้ไม้ฝ้าเฌอร่า บ้านจะประกอบด้วย 1 ห้อนอน ระเบียงพักผ่อน และห้องพื้นที่เปิดโล่ง รอบตัวบ้านแต่งด้วยกระถ่างต้นไม้ให้บรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่ยิ่งขึ้น สำหรับบ้านหลังนี้เจ้าของบ้านซื้อวัสดุงบ 5 หมื่นบาท ส่วนของค่าแรงทำเองทั้งหมดประหยัดงบตรงนี้ไปได้นะครับ

ทางเว็บไม่ได้มีการรับสร้างบ้าน เราเพียงแชร์ให้ดูเป็นไอเดียกับสมาชิกและท่านผู้สนใจเท่านั้น ราคาก่อสร้างที่ลงเป็นราคาจากเจ้าของบ้านเท่านั้น ส่วนในราคาสร้างจริงอาจจะขึ้นอยู่กับการเลือกวัสดุในการก่อสร้างและราคาค่าแรงของพื้นที่ทำการก่อสร้างด้วย

ที่มา-www.thailetgo.com

ไอเดีย สร้างกระท่อมน้อยปลายนา ขนาดเล็กน่ารัก งบก่อสร้าง 5 หมื่นบาท Read More »

เกษตรกรชัยนาท ใช้ กล้วยน้ำว้า เลี้ยงปลาลดต้นทุน ตัวโต เนื้อหวาน ขายได้ราคา

อาชีพประมง” เป็นอาชีพที่จับสัตว์น้ำหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การทำประมงนั้นสามารถทำได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกอาชีพของคนไทยที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาล อาชีพประมงจะมีมากบริเวณภาคใต้และภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการทำประมงน้ำเค็ม ส่วนการทำประมงน้ำจืดนั้นจะมีอยู่ทั่วไปตามพื้นที่ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ซึ่งจะพบมากบริเวณริมฝังแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายสำคัญของคนไทยที่ไหลผ่านหลายจังหวัดด้วยกัน การทำประมงน้ำจืดส่วนมากที่พบบริเวณริมฝังแม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็นการเพาะเลี้ยงปลาในกระชังเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปลาที่เพาะเลี้ยงก็จะเป็นปลาเศรษฐกิจของไทย อย่างเช่น ปลานิล ปลาทับทิม ปลาดุกบิ๊กอุย ฯลฯ

คุณพะเยาว์และคุณประมวล รุ่งทอง สองสามีภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าชัย อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท เป็นเกษตรกรที่อาศัยอยู่บริเวณริมฝังแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งสองเป็นเกษตรหัวไวใจสู้พร้อมที่จะเปิดรับความรู้ใหม่ๆ กล้าที่จะทดลองและรับแนวทางการส่งเสริมพัฒนาอาชีพที่เกี่ยวกับการเกษตร ปัจจุบันทั้งสองมีอาชีพเพาะเลี้ยงปลาในกระชังบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

คุณประมวล (ภรรยา) เล่าให้ฟังว่า เดิมทีตัวเองมีอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าในหมู่บ้าน ส่วนคุณพะเยาว์(สามี)นั้นมีอาชีพเพาะเลี้ยงปลาในกระชังบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ด้วยอาชีพการเพาะเลี้ยงปลาในกระชังที่สามีทำอยู่นั้น ทุกวันยิ่งทำก็เริ่มแย่ลงๆ มีกำไรน้อย ขาดทุนบ้าง ได้กำไรบ้าง เพราะการเพาะเลี้ยงปลาในกระชังต้องใช้คนในการดูแลพอสมควร ลำพังจะให้สามีทำและดูแลคนเดียวก็ไม่ไหว ทำให้ตัวเองต้องตัดสินใจเลิกตัดเย็บเสื้อผ้าและหันมาช่วยสามีเพาะเลี้ยงปลาในกระชังเพียงอย่างเดียว

คุณประมวล เล่าให้ฟังอีกว่า ตนเองและสามีเริ่มเพาะเลี้ยงปลาในกระชังมาตั้งแต่ปี 2542 เริ่มแรกมีกระชังทั้งหมด 10 กระชัง ปลาที่เพาะเลี้ยงจะมีหลากหลายชนิดด้วยกัน ทั้ง ปลาดุก ปลาสวาย ปลาทับทิม ฯลฯ ใช้เวลาลองผิดลองถูกในเรื่องของวิธีการเพาะเลี้ยงมาหลายรอบกว่าจะประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงปลาในทุกวันนี้

ปัจจุบัน มีกระชังเพาะเลี้ยงปลาเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 29 กระชัง โดยแบ่งออกเป็นปลากด ปลากดคัง ปลากดหลวง ปลาเบญจพรรณ และปลาทับทิม

“กล้วยน้ำว้า” เลี้ยงปลา
ตัวโต เนื้อหวาน ขายได้ราคา

สำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงปลานั้นจะเป็นอาหารเม็ดทั่วๆไป โดยจะให้วันละ 3 เวลา (เช้า กลางวัน เย็น ) บวกกับรำข้าวผสมกับกล้วยน้ำว้าสุกบด (เสริมเฉพาะปลานิล ส่วนปลากดหลวงจะหันเป็นชิ้นๆ ลักษณะกล้วยบวดชี) วันละ 1 เวลา ซึ่งเลือกในช่วงกลางวันเพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่สะดวกที่สุดของผู้เพราะเลี้ยงที่จะมีเวลาเตรียมบดกล้วย ในช่วงเช้า (เช้า, กลางวัน, เย็น ตามความสะดวกของผู้เลี้ยง)

คุณประมวล เล่าให้ฟังว่า จุดเริ่มต้นของการนำกล้วยน้ำว้ามาเลี้ยงปลานั้น มาจากการเพาะเลี้ยงปลาในช่วงนั้น มีต้นทุนในการผลิตสูงในเรื่องของอาหาร ทำให้ไม่คุ้มต่อผลตอบแทนที่ได้มาในแต่ละครั้ง ทุกฟาร์มเกิดปัญหาเดียวกันหมด ทำให้ตนต้องหาหนทางลดต้นทุนการผลิตในเรื่องของอาหารลง จึงเกิดแนวคิดนำกล้วยมาเลี้ยงปลาขึ้น

จากแนวคิดที่คิดแบบชาวบ้านทั่วๆ ไปและจากประสบการณ์ที่เคยผ่านมาและเคยเห็นคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ใช้กล้วยน้ำว้าบดผสมกับข้าวเลี้ยงเด็ก ก็ยังสามารถทำให้เด็กโตขึ้นมาได้ จึงได้ทดลองนำกล้วยน้ำว้าสุกมาบดผสมกับรำข้าวให้ปลากิน เริ่มแรกจะทดลงกับปลากรด ผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ ปลามีขนาดใหญ่ รสชาติของเนื้อหวาน ได้คุณภาพกว่าปลาที่ไม่ได้เลี้ยงด้วยกล้วย ที่สำคัญลดต้นทุนการผลิตในเรื่องของอาหาร

หลังจากที่เลี้ยงปลาด้วยกล้วยน้ำว้ามาได้ระยะหนึ่ง ก็เกิดเสียงตอบกลับมาจากผู้บริโภคว่าปลาในกระชังมีรสหวานและเนื้อแน่น ทำให้เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น จากนั้นมาก็เริ่มนำกล้วยน้ำว้าสุกมาบดผสมกับรำข้าวผสมให้ปลาไปพร้อมกับอาหารเม็ด

ในช่วงแรกกล้วยน้ำว้าที่ใช้เลี้ยงจะหาชื้อตามตลาด ชื้อครั้งหนึ่งก็ประมาณ 100 – 200 หวี ราคาช่วงนั้นตกหวีละ 3 บาท ซึ่งเป็นช่วงที่กล้วยราคาถูก ต่อมาระยะหลังๆ กล้วยเริ่มมีราคมสูงขึ้นในบ้างช่วง ทำให้ต้นทุนของการผลิตในเรื่องของอาหารก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย

พื้นที่ 4 ไร่ ปลูกกล้วยน้ำว้า
เลี้ยงปลา ริมแม่น้ำ
ขณะที่ราคากล้วยน้ำว้าเริ่มสูงขึ้น ทำให้ต้องงดกล้วยที่ใช้เลี้ยงปลาไปในบางครั้ง ประกอบกับช่วงนั้นเองทางสำนักงานเกษตรจังหวัดชัยนาท มีโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกผักสวนครัวและปลูกกล้วยน้ำว้า ตนเองจึงสนใจและเข้าร่วมโครงการ เพราะเห็นว่าไม่น่าจะเสียหายอะไร กลับมองว่าเป็นช่องทางที่จะช่วย ลดต้นทุนในการผลิตในเรื่องของอาหารอีกทางหนึ่ง เพราะนอกจากจะปลูกขายแล้วก็ยังสามารถนำมาเลี้ยงปลาได้อีกด้วย

“เริ่มปลูกกล้วยน้ำว้าในพื้นที่ 4 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ของพ่อและแม่ที่ทำสวนผสมผสานไว้จำนวนหนึ่ง ปัจจุบันนี้ภายในสวนพื้นที่ 4 ไร่ มีต้นกล้วยกว่าร้อยต้น สารเคมีหรือปุ๋ยที่ใช้ก็ได้จากการนำปลาที่ตายจากการขนย้ายหรือว่าตายขณะที่เลี้ยงมาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพ และนำไปราดในโคนต้นไม้ เป็นปุ๋ยอย่างดีที่ธรรมชาติต้องการ ส่งผลต่อผลผลิตมีขนาดใหญ่และมีจำนวนมากเพียงพอต่อการน้ำมาเลี้ยงปลาโดยที่ไม่ต้องหาชื้อกล้วยจากท้องตลาด” คุณประมวลกล่าว

อัตราส่วนการปล่อยปลา
หนึ่งเทคนิค ในการเลี้ยง
อัตราส่วนในการปล่อยลูกปลาต่อหนึ่งกระชังต้องขึ้นอยู่กับขนาดของกระชังปลาที่จะเลี้ยงเพราะแต่ละกระชังที่จะเลี้ยงส่วนใหญ่มีขนาดที่ไม่เท่ากัน สำหรับกระชังปลาของคุณประมวล มีความกว้างเท่ากับ 6 เซนติเมตร ยาวเท่ากับ 6 เซนติเมตร ซึ่งสามรถปล่อยลูกปลาได้มากถึง 2,000 กว่าตัว เป็นอัตราส่วนที่ทดลองมาหลายรอบ ผลที่ได้จากการทดลองคือปลาสามารถเจริญเติบโตได้ดี ไม่หนาแน่นเกินไป

คุณประมวล กล่าวว่า หนึ่งปีจะทำการเพาะเลี้ยงเพียง 2 รอบเท่านั้น คือช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายน – มีนาคมและเดือนพฤษภาคม – กันยายน เพราะด้วยสภาพภูมิอากาศในช่วงนี้จะเหมาะสมและสามารถเพาะเลี้ยงได้ แต่ถ้าทำการเพาะเลี้ยงในช่วงเดือนอื่นๆ อาจจะมีอุปสรรค์หลายด้าน โดยเฉพาะเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่สภาพภูมิอากาศมีความร้อนสูง อาจจะส่งผลทำให้น้ำในแม่น้ำร้อน ทำให้ปลาไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ เป็นการไม่เอื้อต่อการเพาะเลี้ยงอาจทำให้ได้รับผลกระทบในการเพาะเลี้ยง บวกกับในหน้าน้ำหลากมีน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีไหลผ่านไปมาทำให้ปลาตายซึ่ง เป็นผลกระทบที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากการหยุดเพาะเลี้ยงในช่วงเวลานั้น

ตลาดรับชื้อ
ตลาดรับชื้อหลักๆ จะส่งขายให้กับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (CP) ซึ่งจะรับชื้อเฉพาะปลาทับทิมเท่านั้น ส่วนปลากดคลัง ปลากดหลวงและปลาอื่นๆ จะส่งขายให้กับต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ และตามร้านอาหารทั่วไปที่เป็นลูกค้าเดิม ราคาที่รับชื้อก็เป็นราคาที่เหมาะสม ไม่มีการเอารัดเอาเปรียบกัน

คุณประมวล กล่าวทิ้งท้าย ทุกวันนี้ทำอาชีเพาะเลี้ยงปลาก็มีความสุขดี ครอบครัวสามารถอยู่ได้ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องผ่านอุปสรรค์มามาก แต่ก็ไม่เกินความสามารถของคนเราที่จะมุ่งมั่นและพยามยามที่จะทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้

 

ข้อมูลขาก-technologychaoban

เกษตรกรชัยนาท ใช้ กล้วยน้ำว้า เลี้ยงปลาลดต้นทุน ตัวโต เนื้อหวาน ขายได้ราคา Read More »

ไอเดียทำฟามไก่ ไม่เปลืองงบแถมจุได้เยอะ​ (สำหรับคนงบน้อย)​

สร้างฟามไก่ ” เล้าไก่ ” ง่ายๆ งบไม่ถึง 2 พัน​ ส่วนมากเป็นวัสดุที่มีอยู่แล้ว​ เช่นไม้หรือสังกะสี​ จะมีซื้อแค่ลวดกรงและสังกะสีที่ทำหลังคา ไปดูกันเลย

*เพื่อเป็นแนวทาง สำหรับใครสนใจสามารถปรับเสริมเติมแต่งได้ตามใจชอบ

ข้อมูลจาก The Poodle and the Hen

ไอเดียทำฟามไก่ ไม่เปลืองงบแถมจุได้เยอะ​ (สำหรับคนงบน้อย)​ Read More »

เผย 7 วิธีกำจัดปลวก ตัวร้ายทำลายบ้านให้สิ้นซาก ทำเองได้ง่ายๆ

ปัจจุบันมีสารเคมีมากมายตามท้องตลาดที่ผลิตมาเพื่อกำจัด มด ปลวก หรือศรัตตรูพืช แต่สารเคมีเหล่านั้นหากใช้ไปนานๆย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งคนและสัตว์เลี้ยง แต่ดุเหมือนว่าเราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะความรำคาญที่กองทับแมลงเหล่านี้บุกบ้าน ที่อยู่อาศัยของเรา

วันนี้เรามีสูตรเด็ดที่จะช่วยให้คุณกำจัดพวกมดเหล่านี้ออกจากบ้านแบบไม่เป็นอันตรายต่อตัวเรา สัตว์เลี้ยง และสิ่งแวดล้อม

1.เกลือเทรองพื้นคาน กรณีที่สร้างบ้านใหม่ ให้เอาเกลือเม็ดที่ขายกันเป็นกระสอบ มาโรยรองพื้นก่อนเทคาน จะช่วยป้องกันปลวก และกำจัดปลวกที่อยู่บริเวณนั้นอยู่แล้วได้อีกด้วย

2.สมุนไพรสกัดกำจัดปลวก สมุนไพร ข่า ตะไคร้ กระเทียม อย่างละ 3 ขีด นำมาโขลกพอหยาบ ใส่ลงไปในภาชนะจำพวกถัง เทเหล้าขาว น้ำส้มสายชู อย่างละ 350 มล. เติมน้ำ 10 ลิตร หมักไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ นำน้ำที่หมักสกัดไว้ผสมน้ำเปล่าในอัตรา น้ำหมัก 1 ช้อนชาต่อน้ำเปล่า 1 ลิตร แล้วจึงเอาส่วนผสมนี้ ไปเทบริเวณที่มีปลวกปลวก

3.ป้องกันแหล่งแพร่พันธุ์ของปลวก

จัดพื้นที่ในบริเวณบ้านให้โล่งสะอาด ให้แสงแดดเข้าถึง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ต่าง ๆ อย่านำเอาท่อนไม้เศษลังกระดาษเก่าๆ มาวางกองไว้เป็นเวลานาน เพราะจะทำให้ที่ตรงนั้นเป็นที่เพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ปลวกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสัตว์ตัวร้ายต่างๆ อย่างเช่นมด แมลงสาบ งู ตะขาบ แมงป่อง อาจจะเข้าไปอยู่ในกองนั้นได้

4.น้ำมันโซล่ากำจัดปลวก

เทราดน้ำมันโซล่าลงบริเวณที่มีปลวก หรือรังของปลวก เมื่อปลวกสัมผัสกับน้ามันโซล่าก็จะขาดใจทันที น้ำมันโซล่าเป็นตัวกำจัดปลวกได้ดีมากเลยค่ะ แต่วิธีนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะน้ำมันโซล่ามีกลิ่นแรงและคุณสมบัติที่ไวไฟ อย่าเอาราดใกล้บริเวณที่มีประกายไฟเด็ดขาด

5.สร้างกับดักด้วยรังปลวกซะเอง

โดยการขุดหลุมกว้างซักครึ่งเมตร ลึกซัก 3 คืบ ทำแบบนี้ 5 หลุม โดยให้ห่างจากตัวบ้านของเรา 6 เมตรขึ้นไป แล้วเอาเศษไม้ ลังกระดาษเก่า หรือสิ่งที่ปลวกชอบ เอาไปกองไว้ในหลุมเพื่อให้ปลวกมาอาศัยอยู่ที่นี่ จากนั้นก็ทำการเปิดหลุมให้ไก่ลงไปจัดการกับปลวก

6.อย่าใช้ลังกระดาษมาเก็บของ

กล่องลังกระดาษ ของชอบปลวกค่ะ อย่าใช้เก็บข้าวของเป็นต้นหนังสือ เพราะปลวกจะเข้าไปกัดกิน นอกจากจะเสียของแล้วยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลวกอีกด้วย ทางที่ดีใช้กล่องกลาสติกแทนจะดีกว่า แล้วหาลูกเหม็นใส่ลงด้วยจะได้กลบกลิ่นของหนังสือไม่ให้ปลวกได้กลิ่น

7.วิธีกำจัดปลวกด้วยไส้เดือนฝอย

เอาไส้เดือนฝอยไปปล่อยไว้ตามบริเวณที่มีปลวก เพื่อให้ปลวกกินไส้เดือนฝอย ปลวกซึ่งเป็นสัตว์เลือดเย็นก็จะป่วยและตายไปในที่สุด ปลวกตัวอื่นๆ ก็จะมากินซากของปลวกที่ตาย แล้วไส้เดือนฝอยก็จะขยายพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ จนกำจัดปลวกได้ทั้งรัง และอย่าได้กังวลว่าไส้เดือนฝอยจะเป็นอันตรายต่อมนุษย์นะค่ะ เพราะมันจะมีผลต่อสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง และสัตว์เลือดเย็นเท่านั้น

ขอบคุณข้อมูล : เกษตรพอเพียง

เผย 7 วิธีกำจัดปลวก ตัวร้ายทำลายบ้านให้สิ้นซาก ทำเองได้ง่ายๆ Read More »

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แจกเมล็ดพันธ์ุพืชผักสวนครัว ฟรี!

ผัก คือยาสามัญประจำบ้าน ปลูกผักสวนครัวเท่ากับปลูกสุขภาพดีๆ ให้ตัวคุณเองและคนที่คุณรัก มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวทั่วไทย สู้ภัยโควิด-19 แจกเมล็ดพันธ์ุพืชผักสวนครัว ฟรี! ให้กับผู้คนที่สนใจ

ทางมหาวิทยาลัยแม่โจ้ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัว แจกเมล็ดพันธ์ุพืชผักสวนครัว ฟรี! ให้กับผู้คนที่สนใจโดยทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

1.เตรียมซองเปล่าขนาดไม่ต่ำกว่า 13×18 เซนติเมตร พร้อมติดแสตมป์ 5 บาท จ่าหน้าซองถึงตัวเพื่อนๆ เอง

2.ส่งมาที่ ผศ. ฉันทนา วิชรัตน์ ศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ อาคารปรับปรุงสภาพและตรวจสอบคุณภาพเมล็ดพันธุ์ผักอินทรีย์ (ที่อยู่) 151 ม.7 ต.ป่าไผ่ อ.สันทราย จ.เชียงไหม่ 50210

มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แจกเมล็ดพันธ์ุพืชผักสวนครัว ฟรี! Read More »